กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โดย ดร.เสกสรรค์ พรหมนิช
เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเทคนิค
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาตนเองทางด้านพลังงานอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพและสามารถพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้จัดทำแผนพัฒนาพลังงานงานทดแทน 15 ปี เพื่อเป็นแนวทาง
การดำเนินงานที่ชัดเจนในอนาคต โดยมุ่งส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการพัฒนาและใช้พลังงานทดแทนใน 4 กลุ่มหลัก คือ พลังงานธรรมชาติ พลังงานชีวภาพ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) และเชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่ เอทานอลและไบโอดีเซล ซึ่งจะสามารถช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2565
หนึ่งมาตรการสำคัญในการพัฒนาตนเองด้านพลังงานก็คือ การส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ Flexible Fuel Vehicle: FFV และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เชื้อเพลิงทางเลือกชนิดใหม่ล่าสุดสำหรับประเทศไทย ที่มีราคาถูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรชาวไทย และช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนการใช้รถยนต์ FFV ให้ได้ 1 ล้านคัน ภายในในปี พ.ศ. 2559 และมีการใช้เอทานอลเฉลี่ยวันละ 9 ล้านลิตร เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน ภายในปี พ.ศ. 2565
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 กับ Flexible Fuel Vehicle: FFV
ยนตรกรรมทางเลือกแห่งศตวรรษ
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า คือน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอทานอล 85 เปอร์เซ็นต์กับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว 15 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้มีสมรรถนะสูงขึ้น เผาไหม้ได้สะอาดกว่าน้ำมันเบนซิน ลดมลภาวะจากไอเสียรถยนต์ และมีราคาถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป
ความน่าสนใจของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่สามารถใช้ได้กับรถยนต์ที่เรียกว่า Flexible Fuel Vehicle หรือ รถ FFV รถยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 หรือน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเอทานอล
ในสัดส่วนตั้งแต่ 0 - 85 เปอร์เซ็นต์ และน้ำมันเบนซินทั่วไป ดังนั้นจุดเด่นของ FFV คือสามารถเติมน้ำมันอะไรก็ได้ ผสมในอัตราส่วนเท่าใดก็ได้ ตามความสะดวก ตามราคาที่เหมาะสม หรือแล้วแต่ว่าในบริเวณที่ผู้ขับขี่อยู่จะมีน้ำมันชนิดใดให้เติมได้ นับได้ว่า FFV เป็น “ยานยนต์พลังงานทางเลือกแห่งศตวรรษ” นี้อย่างแท้จริง
ปัจจุบันรถยนต์ FFV ที่จำหน่ายในประเทศไทยมีเพียง 2 ค่าย คือ วอลโว่ ในรุ่น Volvo S80 2.5FT และ Volvo C30 1.8FT 2 และมิตซูบิชิรุ่น Lancer Ex เท่านั้น ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ยังมีราคาค่อนข้างสูงถึงสูงมาก เหมาะสำหรับผู้บริหารระดับสูงหรือผู้ที่มีฐานะที่ดีเท่านั้น แต่เมื่อหันมามองผู้บริโภคทั่วไปซึ่งอยู่ในสถานะที่ยังต้องคำนึงถึงภาระ
ค่าใช้จ่ายประจำวัน โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว คงต้องบอกว่ารถยนต์ของทั้ง 2 ค่ายดังกล่าวยังอยู่ไกลเกินเอื้อม!!
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากและท้าทายอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาล ในการผลักดันให้มีรถยนต์ FFV เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากบริษัทค่ายรถอื่นๆ ยังไม่ตอบรับนโยบายด้วยการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ FFV ในรุ่นที่มีราคาเหมาะสมสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็ใช่ว่าจะไม่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้เสียเลยทีเดียว ในเมื่อก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) และก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas: CNG) หรือ Natural Gas for Vehicle (NGV) ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างจากน้ำมันเบนซินที่เราใช้กันอยู่มากกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ก็ยังสามารถนำมาดัดแปลงให้ใช้ได้ทั้งในรถยนต์รุ่นเก่ารวมถึงรุ่นปัจจุบัน จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
FFV Conversion Kit อุปกรณ์ชุดคิทอัจฉริยะ
หนึ่งทางเลือกสำหรับรถรุ่นเก่า เพื่อการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 จะมีค่าความร้อนต่ำกว่าน้ำมันเบนซินประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ปกติและวิ่งให้ได้ระยะทางเท่ากันกับน้ำมันเบนซิน ก็จะต้องมีการฉีดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มากกว่าประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน แต่เนื่องจากกล่องสมองกล (Electronic Control Unit: ECU) ของรถยนต์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน มีความสามารถในการทำงานด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้สูงสุดไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้
FFV Conversion Kit จึงถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถของกล่อง ECU ในรถยนต์ทั่วไปให้เป็นรถยนต์ FFV เพื่อให้สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วเทคโนโลยีของรถยนต์ FFV
จะมีการพัฒนาเพิ่มเติมจากรถยนต์ทั่วไปอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ กล่องสมองกลที่มีความสามารถในการตรวจวัดและคำนวณปริมาณเอทานอลในเชื้อเพลิงได้สูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ สามารถควบคุมหัวฉีดให้ปรับการจ่ายเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมต่อสัดส่วนของเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิงขณะที่กำลังใช้งานอยู่ และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมและใช้งานได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ในชิ้นส่วนของระบบเชื้อเพลิง เช่น ถังน้ำมัน หัวฉีด ท่อน้ำมัน ท่อยางและแหวนยางต่างๆ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกติดตั้งอยู่ระหว่างกล่อง ECU และหัวฉีด เพื่อทำหน้าที่
ในการรับสัญญาณจากกล่อง ECU และขยายสัญญาณเพื่อส่งต่อไปยังหัวฉีดอีกต่อหนึ่ง ทำให้หัวฉีดมีการฉีดน้ำมันมากขึ้นตามที่ต้องการสำหรับชิ้นส่วนในระบบเชื้อเพลิงของรถยนต์ในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับเอทานอลได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะรถยนต์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นระบบหัวฉีด ดังนั้นหากชิ้นส่วนเหล่านี้จะสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะวัสดุที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกจำกัดให้ทนทานต่อการใช้งานได้เฉพาะกับเอทานอลแค่ 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจนำรถยนต์รุ่นเก่ามาใช้กับ E85 ผู้ขับขี่จำเป็นต้องศึกษาและตรวจเช็คเครื่องรถยนต์ให้ละเอียดเสียก่อน
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์สามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า การใช้อุปกรณ์ชุดคิทอัจฉริยะจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพและสมรรถนะของรถยนต์ในการนำไปใช้กับพลังงานทางเลือกอย่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังได้มีการศึกษาและทดสอบรถยนต์รุ่นเก่าระบบหัวฉีดปี 2005
ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย จำนวน 2 รุ่น กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ในห้องปฏิบัติการ พบว่ารถยนต์ที่ทดสอบมีสมรรถนะดีขึ้นเล็กน้อย อัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นประมาณ 25% และชิ้นส่วนในระบบเชื้อเพลิงเกือบทั้งหมดของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 สามารถผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่เทียบเท่าการใช้งาน
ในสภาวะปกติ 10 - 15 ปี โดยมีอาสาสมัครจากภาคเอกชนลงมือทดสอบการใช้งานจริงเป็นระยะเวลา 2 ปี ก็ยังไม่เกิดความผิดปกติใดๆ ซึ่งอาจพูดได้ว่า เทคโนโลยี FFV Conversion Kit เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่มีกำลังทรัพย์น้อย และต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้บางส่วน แต่ไม่สามารถซื้อรถยนต์ใหม่ที่มีราคาสูงได้
อย่างไรก็ตาม การทดสอบดังกล่าวก็ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์ในปัจจุบันทุกรุ่นจะสามารถติดตั้ง FFV Conversion Kit และใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะแม้แต่รถยนต์ที่ทดสอบในครั้งนี้ ก็มีชิ้นส่วนอุปกรณ์บางชิ้นได้รับผลกระทบจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพียงแต่ยังไม่เกิดผลกระทบขึ้นในการใช้งานจริงตามระยะเวลาที่ทดสอบ 1 - 2 ปี และอาจจะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง เช่น จากที่เคยใช้งานได้ถึง 10 ปี เมื่อมาใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อายุการใช้งานอาจจะลดเหลือเพียง 8 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับผลกระทบจากการใช้ทั้งก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) และก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas: CNG) หรือ Natural Gas for Vehicle (NGV) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ก็ยังมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบต่อเครื่องยนต์น้อยกว่ามาก
นอกจากนี้ ชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการทดสอบในห้องปฎิบัติการ เช่น ท่อยางคอถังน้ำมันและท่อยางไอระเหย ในการใช้งานจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ถูกแช่อยู่ในน้ำมันตลอดเวลาเหมือนกับการทดสอบ แต่จะเป็นเพียงแค่ทางผ่านของน้ำมันลงไปสู่ถังน้ำมัน หรือเป็นแค่ทางผ่านของไอน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้เท่านั้น ในการใช้งานจริงก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบเท่ากับที่เห็น รวมทั้งอุปกรณ์ดังกล่าวก็มีราคารวมกันแค่หลักพันบาทเท่านั้น ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับผู้บริโภคในการศึกษาหาข้อมูล เปรียบเทียบผลกระทบต่อความคุ้มค่า และตัดสินใจด้วยตัวเอง
เทคโนโลยีของ FFV Conversion Kit เหล่านี้ได้มีการคิดค้น พัฒนาและใช้งานมานานแล้วในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศบราซิลและสหรัฐอเมริกา และกำลังเป็นที่สนใจของอีกหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาและทดสอบของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ สำหรับประเทศไทย เพื่อช่วยในการผลักดันการพัฒนาการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ แต่ยังเป็นการช่วยลดการนำเข้าพลังงานธรรมชาติจากต่างประเทศ ซึ่งนับวันจะมีแต่หมดไปปีละหลายแสนล้านบาท รวมถึงยกระดับความเป็นอยู่และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เป็นต้นทางของพืชพลังงานวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล ส่วนผสมหลักของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
จามรี คุปตะเวทิน / สาธิดา ศรีธัญญาธรณ์
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โทร. 0-2252-9871