กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--บีฟิท
"สุวิช"ปลื้ม BSEC เข้าซื้อขายวันแรกยืนเหนือราคาจอง 9.04% จากราคาไอพีโอ 4.20 บาท/หุ้น ระบุเป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง และปีหน้าวางเป้ามาร์เก็ตแชร์ 4% เป็นสาเหตุที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นคึกคัก
บรรยากาศการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) ในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยวันนี้เป็นวันแรก (22 พฤศจิกายน 2549) ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก โดยช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 5.05 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.85 บาท จากราคาเสนอขาย 4.20บาท/หุ้น ความเคลื่อนไหวระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 5.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.46 บาท และปิดการซื้อขายที่ระดับ 4.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาทจากราคาจอง หรือ เพิ่มขึ้น 9.04% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,829.32 ล้านบาท
นายสุวิช รัตนยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน)(BSEC) กล่าวว่ารู้สึกพอใจกับราคาหุ้นของ BSEC ที่เข้าซื้อวันแรกและยังสามารถยืนเหนือราคาจองได้สำเร็จ โดยสามารถให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนได้ถึง9.04% สาเหตุที่ทำให้หุ้น BSEC ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก และมีแรงซื้อหนุนเข้ามาต่อเนื่อง น่าจะเป็นเพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถขยายธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางช่วงธุรกิจจะชะลอตัวและมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงก็ตาม ทั้งนี้ในปี 2550 บริษัทวางเป้าที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ถึงระดับ 4% จากงวด 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้ถึง 3.63%
"พอใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าดูจากวอลุ่มการซื้อขายที่มีมากถึง 1,829.32ล้านบาท แสดงว่านักลงทุนให้ความสนใจหุ้นของเรามาก คงเป็นเพราะเรากำหนดราคาไอพีโอไม่แพง ที่ระดับ 4.20 บาท/หุ้น มีค่าพีอีเพียง 11 เท่า ขณะที่ค่าพีอีของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 17-18 เท่า"
เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2550 ว่าธุรกิจโบรกเกอร์ยังจะเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากความชัดเจนเรื่องนโยบายของรัฐบาลและการเดินหน้าโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ในปีหน้าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยได้คาดการณ์การเติบโตของ จีดีพี ปีหน้าไว้ที่ 5% ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับ 17,000 - 20,000 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้นจะมีผลให้ธุรกิจหลักทรัพย์ขยายตัวได้อย่างโดดเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด(มหาชน) ภายหลังเพิ่มทุนจะมีทุนชำระแล้วเป็น 800 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งบริษัทได้กระจายหุ้นจำนวน 200.005 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจโดยการเพิ่มสาขา 3 แห่ง มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท และ ใช้ในการพัฒนาคุณภาพของระบบงานและเทคโนโลยีสารสนเทศไว้รองรับการขยายตัวและการแข่งขันในอนาคตอีกประมาณ 20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการตามแต่ฝ่ายบริหารของบริษัทจะเห็นสมควรและคณะกรรมการบริษัทลงมติอนุมัติ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว โทรฯ:081- 4010226 หรือ 02-5549394-6