กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--IR PLUS
"บี เตชะอุบล" ประกาศผลักดัน บล.คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS เดินหน้ารุกธุรกิจสุดตัว เหตุฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับประมาณ 2,600 ล้านบาท ทำให้มีความพร้อมที่จะแข่งขันอย่างเต็มที่ วางเป้าหาลูกค้าใหม่เพิ่มให้ได้อีก 100,000 บัญชีในปีนี้ จากฐานเดิมที่มีประมาณ 50,000 บัญชี เผยใช้กลยุทธ์ด้านไอทีเข้ามาช่วยเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกและทันท่วงที รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร แม้ว่าบริการเดิมจะมีมากอยู่แล้วก็ตาม
นายบี เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผยถึงสถานะของบริษัทว่าในปัจจุบันเข้มแข็งและมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดยดูได้จากฐานเงินทุนซึ่งมีมากถึงประมาณ 2,600 ล้านบาท ภายหลังจากที่ CGS ได้ทำการปรับโครงสร้างทุนเมื่อปลายปีที่ผ่านมาทำให้ขณะนี้มีความพร้อมอย่างมากสำหรับการขยายธุรกิจไปข้างหน้า ขณะที่โครงสร้างการบริหารก็ได้ทีมงานที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานร่วมกัน จนกระทั่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์โดยเห็นได้จากผลประกอบการในปี 2552 ที่มีพลิกมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี อีกทั้งยังมีกำไรสะสมจำนวน 192.26 ล้านบาท นอกจากนั้น ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 2.3% ในปี 2551 เป็นประมาณ 6.0% ในปี 2552 โดยติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์สูงสุด
แผนงานปี 2553 ของบล.คันทรี่ กรุ๊ป จะใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการขยายฐานลูกค้าทั้งที่เป็นนักลงทุนสถาบันจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีแผนจะขยายฐานนักลงทุนรายย่อยรายใหม่ให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100,000 บัญชี จากปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 50,000 บัญชี ควบคู่ไปกับแผนการเปิดสาขาใหม่อีกหลายสาขา จากเดิม 50 สาขา ซึ่งมากที่สุดในประเทศโดยจะเน้นไปที่สาขาประเภทมินิบรานช์ และ ไซเบอร์บรานช์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายฐานนักลงทุนในประเทศ
ส่วนนักลงทุนสถาบันคาดว่าต้นปี 2553 จะเริ่มมีคำสั่งซื้อจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศส่งเข้ามา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการประสานงานและวางระบบรองรับคำสั่งซื้อขายไว้เรียบร้อยแล้ว โดยในปี 2553คาดว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ขณะที่สัดส่วนลูกค้ารายย่อยจะเป็น 85%
นอกจากการดำเนินธุรกิจในด้านการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว ในบริการด้านอื่นๆ ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบออนไลน์ ตราสารอนุพันธ์ (TFEX) การทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และบริการตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (Selling Agent) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต
ในปีนี้ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จะเน้นในเรื่องของการกระจายรายได้โดยไม่พึ่งพิงรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียวเพื่อรับมือกับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 โดยขณะนี้บริษัท ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของบุคลากรที่มีอยู่ประมาณ 800 กว่าคน รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและในอนาคตบริษัทจะทำธุรกรรมอื่นๆ ที่สามารถต่อยอดรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น บริษัทเชื่อมั่นว่า การให้ความสำคัญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมกับยกระดับคุณภาพการให้บริการ จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการบริการแบบ One Stop Service ทำให้บริษัทสามารถรับมือการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“วันนี้ทีมงานของ บล.คันทรี่ ในทุกส่วนถือว่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการรุกขยายธุรกิจและก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะเราต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการเห็น CGS เป็นสถาบันที่มีการเติบโตได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ในปีนี้จะมีการดึงศักยภาพของแต่ละหน่วยงานออกมาใช้อย่างเต็มที่ และอาวุธสำคัญที่บริษัทมีให้กับพนักงานคือการเติมในส่วนของระบบ ไอทีที่ทันสมัย มีข้อมูลครบถ้วนทั้งด้านเทคนิค พื้นฐาน ข้อมูลข่าวสาร บทวิเคราะห์ และข้อมูลอื่นๆ ได้อย่างรอบด้าน ทำให้สามารถที่จะสนองตอบกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของมาร์เก็ตติ้ง เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้ครบทุกมุมมอง การบริการที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า”นายบี เตชะอุบล กล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
IR PLUS : คุณหัสยา ศรีเฟือง (โหน่ง) Tel. 02-554-9353 หรือ 081-490-2852 E-mail : hadsaya@irplus.in.th