กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำหนดมาตรการเร่งด่วน 7 ด้าน แก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเร่งจัดหาน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ควบคู่กับการส่งเสริมรายได้และอาชีพระยะสั้น การดูแลรักษาสุขภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเปิดสายด่วน ภัยแล้ง ตลอดจนประสานจังหวัดเตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติอื่นๆ ในฤดูร้อน ทั้งพายุฤดูร้อน หมอกควัน ไฟป่า เพื่อมิให้ผู้ประสบภัยแล้งได้รับความเดือดร้อนซ้ำเติมอีก
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง พบว่า แม้ประเทศไทยจะเพิ่งเข้าสู่ฤดูร้อน แต่ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 36 จังหวัด 277 อำเภอ 1,874 ตำบล 13,975 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 3,931,713 คน 1,029,811 ครัวเรือน คาดว่าจะมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายรวม 118,414 ไร่ หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2552 พบว่า หมู่บ้านประสบภัยแล้งกลับเพิ่มกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าปีนี้ประเทศไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ อย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากและนอกเขตพื้นที่ชลประทาน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาภัยแล้งที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้กำหนด 7 มาตรการเร่งด่วนแก้ไขวิกฤตภัยแล้ง ให้จังหวัดดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้
1.จัดหาน้ำอุปโภคบริโภค สำหรับในเขตเมือง ให้ประเมินปริมาณน้ำต้นทุนที่นำมาผลิตน้ำประปา และวางแผนรองรับกรณีขาดแคลน ส่วนเขตชนบท ให้เร่งซ่อมบำรุง จัดหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับระบบประปาหมู่บ้าน กำหนดจุดแจกจ่ายน้ำประจำหมู่บ้าน
2.จัดหาน้ำเพื่อการเกษตร ให้ยึดมาตรการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งเป็นหลัก พร้อมควบคุมพื้นที่ทำนาปรัง รวมถึงประสานสำนักฝนหลวงและการบินออกปฏิบัติการฝนหลวงทันทีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย
3. สร้างรายได้และส่งเสริมอาชีพระยะสั้น ประสานให้ท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐจ้างแรงงานในหมู่บ้าน เพื่อสร้างได้แก่ราษฎรและป้องกัน การอพยพเข้าไปหางานทำในเมือง
4. ดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย ประสานให้สาธารณสุขจังหวัดวางแผนป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูร้อน พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ ไม่บริโภคอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด
5.ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จัดทำแผนป้องกันและปราบปรามโจรผู้ร้าย เพื่อมิให้ผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนซ้ำเติมอีก
6.เปิดสายด่วนภัยแล้ง สำหรับเป็นช่องทางให้ผู้ประสบภัยประสานขอความช่วยเหลือกรณีประสบความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง
7.เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติอื่นในฤดูร้อน เร่งวางแผนป้องกันและกำหนดแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากพายุฤดูร้อน อัคคีภัย หมอกควัน และไฟป่า รวมถึงรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในฤดูร้อน
ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 — 18 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 75 จังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป