กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์
ตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนคึกคักเมื่อผู้บุกเบิกตลาดรองเท้าผ้าใบมากว่า 60 ปี “โกลด์ซิตี้” รุกตลาดอีกครั้งต้อนรับเปิดเทอม ตอกย้ำแนวคิด “ชวนเยาวชนทำความดี” ที่ริเริ่มเป็นเจ้าแรกในตลาดรองเท้านักเรียน พร้อมกิจกรรมการตลาด เปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ “ไปโรงเรียน” โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ 300 ล้านบาท, โตขึ้น 30%
นายสุรศักดิ์ จินาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด (Mr.Surasak Jinapun MD of GoldCity Footwear Co., Ltd.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทโกลด์ซิตี้ เริ่มต้นผลิตรองเท้าผ้าใบครั้งแรกในปี พ.ศ.2493 จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของช่างทำรองเท้าที่ต้องการผลิตรองเท้าคุณภาพดี ทนทาน สวมใส่สบาย และราคาประหยัด จนทำให้ในปัจจุบันกลุ่มบริษัทโกลด์ซิตี้เป็นผู้ผลิตรองเท้าหลากหลายชนิด ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ทั้งระบบร้อน ระบบเย็น ระบบบู๊ท ระบบอัดและระบบฉีด แบบครบวงจรเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและเพื่อการส่งออก , โดยได้ยืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรคด้วยความเข้มแข็งจนเติบโตเข้าสู่ปีที่ 61 โดยทีมผู้บริหารคนไทย 100% ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยบริษัทโกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด รับผิดชอบกิจกรรมการตลาด การสร้างตราสินค้า การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าภายในประเทศ อันได้แก่ ร้านค้าปลีก, ผู้ขายส่งทั่วประเทศ, ห้างสรรพสินค้า, โรงงาน, หน่วยงาน, โรงเรียน, ห้างสรรพสินค้า ภายใต้ตราสินค้า “Gold City”, “Fast” , “Planet” และ อื่นๆ
กลุ่มบริษัทโกลด์ซิตี้ ประกอบด้วย บริษัท เมืองทองฟุตเทค จำกัด, บริษัท เมืองทองมหาชัย จำกัด, บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด, และบริษัทในเครือ มีพนักงานรวมมากกว่า 2,000 คน และเครื่องจักรอันทันสมัยแบบครบวงจรการผลิตตั้งแต่การออกแบบ การเย็บหน้าผ้าทรงบน การทำยางแผ่น การทำพื้นรองเท้า และการประกอบ จนได้เป็นรองเท้าสำเร็จรูป ภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นคุณภาพสินค้า ราคาเหมาะสม อีกทั้งหาซื้อได้สะดวก ปัจจุบัน สินค้าจากกลุ่มโกลด์ซิตี้ ประกอบด้วย รองเท้าผ้าใบ, รองเท้ากีฬา, รองเท้าลำลอง, รองเท้าแฟชั่น, รองเท้าบู๊ทหนังกันหิมะ , รองเท้าบู๊ทกันน้ำ, รองเท้านิรภัย, รองเท้าทหาร Combat, รองเท้าแตะ PU, แผ่นโฟม EVA ถุงเท้า ชุดกีฬา เป็นต้น ซึ่งได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ "มอก.” จากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับการรับรองจากกรมส่งเสริมการส่งออก , และได้การรับรองระบบประกันคุณภาพมาตรฐาน ISO 9002 จากสถาบัน AJA EQS อีกด้วย
ในช่วงต้นปี 2552 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับตราสัญลักษณ์ของสินค้าแบรนด์ GoldCity (โกลด์ซิตี้) ให้ทันสมัย สอดคล้องไปกับกลุ่มเป้าหมาย ที่ “ฉลาดคิด ฉลาดเลือกทางเดินของชีวิต เป็นคนดี มีน้ำใจ” เพื่อขานรับกับการพัฒนาองค์กรที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของบริษัท จากรูปหลังคาจั่วทรงไทยสีดำบนพื้นวงรีสีเหลืองที่คุ้นตากันมานาน พัฒนาเปลี่ยนไปเป็นรูปสามเหลี่ยมบนพื้นวงกลม ที่ยังคงกลิ่นอายของหลังคาจั่วเดิม แต่ผสมผสานความทันสมัย-ความเคลื่อนไหว จึงทำให้โลโก้ใหม่ของ GoldCity มีความร่วมสมัย เรียบง่าย มั่นคง จริงใจ ตรงกับบุคลิกของบริษัท และแสดงถึงบุคลิกของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริษัทฯให้กับผู้บริโภคและผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากขึ้น นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นในเรื่องคุณภาพ ราคา ความน่าเชื่อถือเดิม ที่สืบทอดอย่างยาวนานย่างสู่ปีที่ 61
นอกเหนือจากความมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าคุณภาพแล้ว โกลด์ซิตี้ยังใส่ใจต่อการพัฒนาสังคม พัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี ฉลาดคิด ฉลาดเลือก มีน้ำใจ อันจะเห็นได้จากเนื้อสารที่สื่อในภาพยนตร์โฆษณา ในปี 2552 ชุด “เป็นอย่างที่คุณอยากเป็น” ที่สนับสนุนให้เด็กนักเรียนทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตในวัยเรียน โดยไม่ตามอย่างใคร มองโลกในแง่ดี และมีส่วนช่วยเหลือสังคมทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งตอบโจทย์และโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้รองเท้านักเรียน “โกลด์ซิตี้” ได้รับรางวัล “ผู้มีผลงานดีเด่นด้านสนันสนุนและส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามทุกจริต” ซึ่งเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในวงการรองเท้าไทย ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้
สำหรับปี 2553 นี้ บริษัทฯ ได้เตรียมแนะนำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ชื่อชุด “ไปโรงเรียน” โดยมี Concept Idea : "โดดเรียนหนึ่งวัน ความมันหายไปล้านอย่าง" ที่ต้องการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการไปโรงเรียน ให้เกิดในจิตใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทุกคน โดยชี้ให้เห็นว่านอกเหนือจากการเรียนรู้ทางวิชาการทั่วไปแล้ว ประสบการณ์การใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ความสนุก ความประทับใจในแง่มุมอื่นๆ ของชีวิตวัยเรียน ยังมีอีกมากมายที่กำลังรอคุณอยู่ในโรงเรียน และนำเสนอในแนวทางสร้างสรรค์ ที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายนักเรียน ตอกย้ำแนวคิด “ชวนเยาวชนทำความดี” ที่เป็นแก่นแท้ของโกลด์ซิตี้ โดยเป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอเจนซี่ บริษัท แอกเซส แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด
กรรมการผู้จัดการ โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในปี 2553 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 30% โดยบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในปีนี้นอกเหนือจากฐานร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีกและโมเดิร์นเทรด โกลด์ซิตี้ยังได้ร่วมกับบริษัทซีพีออลและร้าน 7-11 เปิดช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้ารองเท้าผ้าใบรุ่นพิเศษ Limited Edition “โกลด์ซิตี้พลัส พื้นสีแสบ” เติมชีวิตให้มีสีสัน ในช่วงเดือน เม.ย. นี้ ที่ร้าน 7-11 กว่า 5,300 สาขาทั่วประเทศ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา 61 ปี โกลด์ซิตี้ เน้นการทำธุรกิจภายใต้แนวทาง “ ทำสิ่งที่ถูกต้อง” (Do the Right Thing) ด้วยความคำนึงว่าพื้นฐานของเราเป็นช่างทำรองเท้า เราก็ต้องทำรองเท้าให้ดีที่สุด ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนารองเท้าและเน้นคุณภาพอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเชิญชวนและแนะนำเยาวชนให้ “ทำสิ่งที่ถูกต้อง” เช่นเดียวกัน “การไปโรงเรียน” ก็เป็นหนึ่งในสิ่งดีๆ ที่เด็กและเยาวชนควรทำ, โกลด์ซิตี้ มุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดี มีคุณภาพ ที่ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งที่สุด (IQ) แต่ต้องเป็นคนดี มีความสุข รูจักคิด ใช้พลังความสามารถของตัวเองเพื่อการสร้างสรรค์ พร้อมรับและเรียนรู้ในสิ่งใหม่ มีความคิด มีจินตนาการ และเป็นตัวของตัวเอง” นายสุรศักดิ์ กล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับ โกลด์ซิตี้
เริ่มจากความคิดดีๆของ ช่างทำรองเท้า...ที่ชอบรองเท้า...และอยากให้เด็กๆ มีรองเท้าดีๆ ใส่ไปเรียน...จึงคิดทำรองเท้าคุณภาพดี มีความทนทาน สวมใส่สบาย และราคาไม่แพง เพราะเราเชื่อว่า...ของที่คุณภาพดี ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง, และของที่มีราคาแพง ไม่จำเป็นต้องคุณภาพดี....
ย้อนหลังไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว (นับถึง ปี 2552) ในปี พ.ศ. 2493 คุณสุพัฒน์-คุณเรือนงาม จินาพันธ์ ได้เริ่มต้นผลิตรองเท้าผ้าใบขึ้นเป็นครั้งแรก ที่โรงงานรองเท้าสวัสดี ย่านถนนเทอดไท-ตลาดพลู ด้วยคนงานเริ่มต้นเพียง 8 คน และเงินทุนเพียงไม่กี่ร้อยบาท โดยเป็นการผลิตรองเท้าผ้าใบด้วยมือเป็นหลัก และด้วยความประณีตของรองเท้าที่ผลิตออกมา ทำให้กิจการของโรงงานรองเท้าสวัสดี ได้เจริญเติบโตมาโดยตลอด
จนเมื่อปี พ.ศ. 2508 จึงได้ย้ายโรงงานมาที่ ถนนเอกชัย ย่านบางขุนเทียน และเปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงงานยางเมืองทอง เพื่อผลิตรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ และรองเท้าแตะยางฟองน้ำเพิ่มขึ้นอีก ด้วยเล็งเห็นว่าประเทศไทย มีฤดูฝนที่ยาวนาน จึงควรมีสินค้าหลายหลายชนิด ที่สามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี ทั้งในหน้าร้อนและหน้าฝน และที่โรงงานนี้เอง ที่ชื่อยี่ห้อ Gold City ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ในปี พ.ศ. 2520 กิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงงานยางเมืองทอง ได้เติบโตเต็มที่จนมีคนงานมากถึง 500 คน และใช้พื้นที่โรงงาน 5 ไร่จนเต็มพื้นที่ และประกอบกับในช่วงนั้นได้มียอดสั่งผลิตรองเท้าผ้าใบ รองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา รองเท้าแตะจากหลายประเทศ ทั้งในยุโรปและอเมริกาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด ก็ต้องเพิ่มโรงงานผลิตขึ้นอีกหนึ่งแห่ง
ในปี พ.ศ. 2521 คุณสุพัฒน์-คุณเรือนงาม จินาพันธ์ ได้ก่อตั้งบริษัทเมืองทองมหาชัยจำกัด ขึ้นที่ อำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ เพื่อผลิตรองเท้าส่งออก ทั้งระบบร้อน ระบบเย็น ระบบบู๊ท และระบบฉีด ด้วยทีมพนักงานกว่า 2000 คน และเพื่อการจำหน่ายในประเทศโดยผนึกกำลังร่วมกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงงานยางเมืองทอง ไปพร้อมๆกัน และเริ่มเกิดคำว่า “กลุ่มบริษัทเมืองทอง”
ในปี พ.ศ. 2535 ยอดขายสินค้าในประเทศของกลุ่มเมืองทองได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ จึงได้เป็นจุดกำเนิดให้มีการก่อตั้งบริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อรับผิดชอบกิจกรรมการตลาด การสร้างตราสินค้า และการกระจายสินค้า ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยให้พนักงานเข้ามาร่วมเป็นผู้ถือหุ้นด้วย
ในปี พ.ศ. 2552 รูปลักษณ์ Logo ของตราสินค้า Gold City ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับวิสัยทัศน์ใหม่ของตราสินค้า ที่ต้องการให้ Gold City เป็นสินค้าของคนรุ่นใหม่ ที่ฉลาดคิด ฉลาดเลือกทางเดินของชีวิต เป็นคนดี มีน้ำใจ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปรัชญาของคุณสุพัฒน์-คุณเรือนงาม จินาพันธ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มเมืองทองและลูกหลาน ในการดำเนินธุรกิจไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั้นคือเราต้องบริหารธุรกิจด้วยความขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์ต่อลูกน้องและต่อลูกค้า มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แสวงหากำไรจากธุรกิจเพียงแค่พออยู่-พอกิน มุ่งสั่งสมและรักษาชื่อเสียงไม่ให้มีรอยด่างพร้อย
คุณภาพของสินค้าถือว่า มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับชาวเมืองทอง, นอกจากนโยบายการมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า ที่มีอย่างต่อเนื่องแล้ว อีกนโยบายสำคัญที่ Gold City ยืนหยัดมาโดยตลอดก็คือ หากลูกค้าหรือร้านค้า มีความไม่พอใจในคุณภาพหรือจำนวนสต๊อคสินค้าในร้านค้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ, ทางบริษัทยินดีรับคืนสินค้า พร้อมคืนเงินให้เต็มจำนวนอย่างไม่มีเงื่อนไข
GoldCity มุ่งมั่นที่จะพัฒนารองเท้าให้มีความแปลกใหม่และตรงใจลูกค้า โดยใส่จินตนาการต่างๆ ลงไปในรองเท้า ด้วยเล็งเห็นถึงพลังความสามารถในตัวของเด็กและวัยรุ่น ว่าเป็นวัยแห่งการสร้างสรรค์ พร้อมรับและเรียนรู้ในสิ่งใหม่ มีความคิด จินตนาการ และเป็นตัวของตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสังคม ผ่านการพัฒนาการศึกษา ด้วยเล็งเห็นว่า ความก้าวหน้าของประเทศไทย จะต้องมาจากคุณภาพของเยาวชนไทย ที่มีการศึกษาดี มีสุขภาพดี มีคุณธรรม สนใจศึกษาธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดๆก็ตาม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
โสภิต คูสุวรรณ
บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด
โทร. 0-2893-8190
E-mail: sopit@goldcity.c.th