กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
- การเริ่มเดินสายพานผลิต Volume Production ที่เป็นไปตามกำหนดเวลา ทำให้แผนการผลิตของเอเอ็มดียังคงสมบูรณ์และราบรื่น สำหรับเฟสต่อไปคือการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่ขนาด 65 นาโนเมตร ก็ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมด้วย —
เอเอ็มดี (NYSE: AMD) ได้เริ่มจัดส่งผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์ AMD64 ล็อตแรกที่ผลิตจากโรงงาน Fab 36 ในเดรสเดน ประเทศเยอรมนี ถึงมือลูกค้าแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งการใช้เวเฟอร์ขนาด 300 มิลลิเมตร การใช้เทคโนโลยี 90 นาโนเมตรในกระบวนการผลิต และกำหนดเวลา ทำให้แผนการผลิตของเอเอ็มดีในเฟสต่อๆไปเป็นไปตามกำหนดการเดิมทุกประการ นัยหนึ่งคือศักยภาพในการแข่งขันของเอเอ็มดีในอนาคต
เอเอ็มดียังได้เริ่มทดสอบการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 65 นาโนเมตรควบคู่กับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 90 นาโนเมตรด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี หมายถึงการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่ขนาด 65 นาโนเมตร ทีมวิศวกรที่ Fab 36 พร้อมด้วยระบบ Automated Precision Manufacturing (APM) ได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบและนำไปปรับปรุงสายพานการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระบวนการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 65 นาโนเมตรที่โรงงาน Fab 36 ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการเดิม คือจะเริ่มได้ในครึ่งหลังของปีนี้ และจะครบทุกสายผลิตภัณฑ์ภายในกลางปี 2007
"แผนการผลิตของเรายังสมบูรณ์แบบ" เดิร์ค เมเยอร์ ประธานบริษัทและประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเอเอ็มดี กล่าวว่า "กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ที่ได้จากโรงงาน Fab 36 ทำให้เรายิ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน เป้าของเราคือเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2008 จากปี 2005 ขณะนี้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการตอบสนองทุกๆความต้องการของลูกค้าในระยะยาวและบรรลุเป้าการเติบโตที่ได้วางไว้"
ความสำเร็จของ Fab 36 ส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จของ Fab 30 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า Fab 30 เป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับ Fab 36 และรองรับแผ่นเวเฟอร์ขนาด 200 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยี APM และเทคโนโลยีการผลิตอื่นๆ ทำให้เอเอ็มดีเพิ่มกำลังการผลิตของ Fab 30 ได้อีกประมาณ 80% ในไตรมาส 4 ปี 2005 เทียบกับไตรมาสแรกปี 2004 ปัจจุบันโรงงาน Fab 30 ผลิตเวเฟอร์ได้ประมาณ 30,000 หน่วยต่อเดือน จาก 20,000 หน่วยต่อเดือน และยังคงมีการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง
Fab 30 และ Fab 36 คือหัวใจสำคัญในแผนการผลิตที่ยืดหยุ่นของเอเอ็มดีซึ่งโฟกัสที่ความสามารถในการควบคุมการผลิตผ่านออนไลน์ ด้วยตัวเลขกำลังผลิตที่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่ถูกต้อง นั่นทำให้เอเอ็มดีสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง อันหมายถึงการเติบโตของมาร์เก็ตแชร์ของเอเอ็มดี ขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากโรงงานผลิตที่มีอยู่ด้วย
นอกจากนี้เอเอ็มดียังใช้ APM ในการเพิ่มความเร็วและความถูกต้องในการทำงานด้วย APM เป็นเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเอเอ็มดี ประกอบด้วยสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีมากมาย ซึ่งสามารถปรับปรุงระบบการปฏิบัติงานในโรงงานได้อย่างอัตโนมัติและยืดหยุ่น ด้วยสมรรถนะของ APM ทำให้เอเอ็มดีสามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้, ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตได้อย่างรวดเร็ว, คุณภาพผลิตภัณฑ์สูงขึ้น, ผลิตสินค้าได้เร็วขึ้น และประสิทธิภาพสายพานผลิตสูงขึ้น
"ทศวรรษที่ผ่านมา เราอยู่ตำแหน่งที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ด้วยโมเดลการปฏิบัติงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น APM ที่ทำให้เราเร็วขึ้น ถูกต้องมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น และประสิทธิภาพสูงขึ้น" ดาริล ออสทรานเดอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิตและเทคโนโลยี บริษัทเอเอ็มดี กล่าวว่า "ผลก็คือ เราเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างราบรื่นกว่าที่เคยเป็นมา เรากำลังก้าวสู่จุดสูงสุดของเทคโนโลยีการผลิตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กระบวนการปรับปรุงโรงงานผลิตของเราไปสู่เทคโนโลยีใหม่ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และทุกอย่างเป็นไปตามแผน"
เกี่ยวกับเอเอ็มดี
แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ (NYSE: AMD) เป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาโซลูชั่นไมโคร -โพรเซสเซอร์ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับตลาดด้านการประมวลผล การสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอเอ็มดีก่อตั้งขึ้นในปี 2512 โดยมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่นด้านการประมวลผลที่เหนือกว่าและสอดรับกับความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลก รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก www.amd.com
หมายเหตุ
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ บางข้อความเป็นการคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับโรงงาน Fab 36 เช่น แผนการผลิต กำลังการผลิต และปริมาณการผลิต ปริมาณความต้องการ AMD64 และการเปลี่ยนแปลงในส่วนแบ่งทางการตลาดของเอเอ็มดีในตลาด x86 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act of 1995 นักลงทุนพึงระลึกอยู่เสมอว่าข้อความที่เป็นการคาดการณ์ซึ่งปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน อาจเป็นหรือไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก็ได้
ความเสี่ยง ได้แก่ ความเป็นไปได้ที่ภาวะเศรษฐกิจจะแย่ลงและยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2549 อาจต่ำกว่าที่คาดไว้ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ของเอเอ็มดี, AMD Fab 36 อาจไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาได้ตามแผนที่วางๆไว้, กลยุทธ์ราคา โปรแกรมการตลาด การจัดชุดผลิตภัณฑ์ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และกิจกรรมอื่นๆของบริษัทอินเทล ที่มีเป้าหมายที่ธุรกิจโพรเซสเซอร์ อาจส่งผลให้ยอดขายของเอเอ็มดีไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้, ปริมาณความต้องการพีซีและปริมาณความต้องการโพรเซสเซอร์อาจต่ำกว่าที่คาดไว้, การยอมรับในเทคโนโลยี AMD64 ของผู้ผลิตพีซีชั้นนำและลูกค้าอาจไม่เป็นไปตามคาด, เอเอ็มดีอาจไม่บรรลุผลสำเร็จตามกำหนดการต่างๆในแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ได้วางไว้, เอเอ็มดีอาจประสบปัญหาด้านเงินทุนสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรม และโซลูชั่นโพรวายเดอร์อาจไม่สามารถจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่น ซึ่งซัพพอร์ตเทคโนโลยี AMD64 ได้ทันตามกำหนด
เราแนะนำให้นักลงทุนพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน จากรายงานที่บริษัทฯส่งให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (Securities and Exchange Commission) รวมไปถึงรายงานผลการดำเนินงานประจำปี แบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 26 ธันวาคม 2547, รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส แบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 26 มิถุนายน 2548
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
มิส ลิน ยอง
ผู้จัดการการตลาดคอนซูมเมอร์
บริษัท เอเอ็มดี ฟาร์อีส จำกัด
(65) 6559 9951
lynn.yong@amd.com
ประชาสัมพันธ์ข่าวโดย
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
สุชาย เฉลิมธนศักดิ์
0 2971 3711
suchai@pc-a.co.th