รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 13 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น.

ข่าวทั่วไป Friday October 13, 2006 09:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--ปภ.
1. ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 290 อำเภอ 19 กิ่งอำเภอ 1,729 ตำบล 9,601 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,452,563 คน 638,966 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 47 คน จังหวัดเชียงใหม่ 7 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 คน จังหวัดลำปาง 2 คน จังหวัดสุโขทัย 7 คน จังหวัดพิษณุโลก 6 คน จังหวัดนครสวรรค์ 1 คน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน สิงห์บุรี 1 คน จังหวัดอ่างทอง 4 คน จังหวัดพิจิตร 1 คน จังหวัดปราจีนบุรี 5 คน จังหวัดจันทบุรี 4 คน จังหวัดปทุมธานี 2 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 คน จังหวัดชัยภูมิ 1 คน จังหวัดอุบลราชธานี 1 คน และจังหวัดพังงา 1 คน สูญหาย 2 คน (จังหวัดเชียงใหม่ 1 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 44 หลัง เสียหายบางส่วน 8,005 หลัง ถนน 3,347 สาย สะพาน 263 แห่ง ท่อระบายน้ำ 385 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 463 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 1,836,418 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 19,559 บ่อ วัด/โรงเรียน 466 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 305,289,193 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน
2. จากการตรวจสอบไปยังจังหวัดที่ประสบภัย เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ (13 ต.ค.49) พื้นที่ ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่จังหวัดกำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี และกรุงเทพมหานคร ดังนี้
2.1 จังหวัดลพบุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำกว่าน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำในพื้นที่ลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสักได้ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอบ้านหมี่ อำเภอเมือง อำเภอชัยบาดาล อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอลำสนธิ และ อำเภอโคกสำโรง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
2.2 จังหวัดสระบุรี น้ำจากแม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 4 ตำบล อำเภอบ้านหมอ 3 ตำบล 1 เทศบาล อำเภอวิหารแดง 2 ตำบล อำเภอหนองแค 1 ตำบล และอำเภอเสาไห้ 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม.
2.3 จังหวัดจันทบุรี น้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลเมืองลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 2 ตำบล ตำบลท่าช้าง และในเขตเทศบาลตำบล จันทนิมิต ระดับสูงประมาณ 0.10-0.30 ม. และ อำเภอมะขาม 3 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลมะขาม ตำบลวังแซ้ม ตำบลท่าหลวง และเทศบาลตำบลมะขาม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม. คาดว่าจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติในวันนี้
2.4 จังหวัดกำแพงเพชร มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำปิง2 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองขลุง 4 ตำบล อำเภอขาณุวรลักษบุรี 3 ตำบล กิ่งอำเภอบึงสามัคคี 4 ตำบลระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
2.5 จังหวัดในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน รวม 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ ริมแม่น้ำ และพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้แก่
- จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ 10 ตำบล อำเภอพรหมพิราม 9 ตำบล อำเภอเมือง 3 ตำบล อำเภอวัดโบสถ์ 2 ตำบล
- จังหวัดสุโขทัย จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง 11 ตำบล อำเภอเมือง 6 ตำบล อำเภอกงไกรลาศ 11 ตำบล อำเภอคีรีมาศ 10 ตำบล อำเภอสวรรคโลก 3 ตำบล อำเภอศรีสัชนาลัย 8 ตำบล และอำเภอด่านลานหอย 7 ตำบล
- จังหวัดพิจิตร จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลท่าฬ่อ) อำเภอสามง่าม 4 ตำบล อำเภอวชิรบารมี 4 ตำบล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 7 ตำบล อำเภอโพทะเล 9 ตำบล อำเภอตะพานหิน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองตะพานหิน) อำเภอบึงนาราง 5 ตำบล และ อำเภอบางมูลนาก 9 ตำบล
- จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลนครนครสวรรค์) อำเภอชุมแสง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลทับกฤช) อำเภอเก้าเลี้ยว 5 ตำบล อำเภอโกรกพระ 8 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลโกรกพระ และเทศบาลตำบลบางประมุง) อำเภอพยุหะคีรี 7 ตำบล อำเภอบรรพตพิสัย 13 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบรรพตพิสัย) และอำเภอท่าตะโก 10 ตำบล
ส่วนการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นั้น ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ฝายบางบ้า อำเภอบางระกำ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ต.ค.49 ระดับน้ำสูง 42.93 ม. (ระดับตลิ่ง 40.50 ม.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.43 ม.
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ต.ค.49 ที่สถานี Y.33 อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.66 ม. (ระดับตลิ่ง 10.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.66 ม. ที่สถานี Y.4 อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 6.53 ม. (ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.92 ม. และที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.60 ม. (ระดับตลิ่ง 9.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.60 ม.
2.6 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลธรรมามูล และตำบลเขาท่าพระ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.70 ม.
2) อำเภอสรรพยา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา 7 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลสรรพยา และเทศบาลโพนางดำ) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.60 ม.
3) อำเภอหันคา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน เกือบทุกตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.20 ม.
2.7 จังหวัดอุทัยธานี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม.และบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล ได้แก่ ต.สะแกกรัง ตำบลท่าซุง ตำบลน้ำซึม ตำบลเกาะเทโพ ตำบลเนินแจก ตำบลหนองไผ่แบน ตำบลโนนเหล็ก ตำบลดอนขวาง ตำบลอุทัยใหม่ และตำบลหาดทนง ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม.
2) อำเภอหนองขาหย่าง น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วและแม่น้ำสะแกกรัง เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลหลุมเข้า ตำบลดงขวาง และตำบลหนองไผ่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.60 ม.
2.8 จังหวัดสิงห์บุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภออินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลอินทร์บุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
2) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองสิงห์บุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.80 ม.
3) อำเภอพรหมบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลพรหมบุรี ตำบลบ้านหม้อ ตำบลโรงช้าง ตำบลพระงาม ตำบลบางน้ำเชี่ยว และตำบลบ้านแป้ง ระดับน้ำสูงประมาณ 1.20-1.50 ม.
4) อำเภอท่าช้าง น้ำจากแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลถอนสมอ ตำบลพิกุลทอง และตำบลวิหารขาว ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
2.9 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้น ท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองอ่างทอง ตำบลตลาดหลวง ตำบลบ้านชี ตำบลบางแก้ว ตำบลบ้านอิฐ (หมู่ที่ 3,5-10,11) ตำบล จำปาหล่อ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลตลาดกรวด (หมู่ที่ 1-6) ตำบลย่านซื่อ (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านแห (หมู่ที่ 4-6) ตำบลโพสะ (หมู่ที่ 1,2,7,8) และตำบลศาลาแดง (หมู่ที่ 4,6) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-2.00 ม.
2) อำเภอป่าโมก มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลโผงเผง (หมู่ที่ 1-10) ตำบลบางปลากด (หมู่ที่ 6) ตำบลบางเสด็จ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลโรงช้าง (หมู่ที่ 1-3,6-8) ตำบล สายทอง (หมู่ที่ 3-5,7-8) ตำบลนรสิงห์ (หมู่ที่ 1-7) เทศบาลตำบลป่าโมก (ชุมชนที่ 1-2,8-10) และตำบลเอกราช (หมู่ที่ 4,5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.20 ม.
3) อำเภอไชโย มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลจรเข้ร้อง (หมู่ที่ 2,4,7) เทศบาลตำบลเกษไชโย (หมู่ที่ 1-9) ตำบลตรีณรงค์ (หมู่ที่ 1-3) ตำบลชัยฤทธิ์(หมู่ที่ 1-3,6) ตำบลหลักฟ้า (หมู่ที่ 1,2) ตำบลไชยภูมิ (หมู่ที่ 1,2,6,8) ตำบลเทวราช (หมู่ที่ 1-7) และตำบลราชสถิตย์ (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม. ส่วนตำบลซะไว (หมู่ที่ 1-3) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
4) อำเภอแสวงหา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบล บ้านพราน (หมู่ที่ 1-10) ตำบลจำลอง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลแสวงหา (หมู่ที่ 1,2,5,6,7,9,12,13,14) ตำบลสีบัวทอง (หมู่ที่ 1-4, 7,10) และตำบลห้วยไผ่ (หมู่ที่ 1-4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
5) อำเภอวิเศษชัยชาญ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 12 ตำบลได้แก่ ตำบลม่วงเตี้ย (หมู่ที่ 1-6) ตำบลไผ่จำศีล (หมู่ที่ 1-7) ตำบลศาลเจ้าโรงทอง (หมู่ที่ 1-12) ตำบลท่าช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลสี่ร้อย (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางจัก (หมู่ที่ 1-14) ตำบลคลองขนาก (หมู่ที่ 1-5,9) ตำบลหลักแก้ว (หมู่ที่ 1-3)ตำบลห้วยคันแหลน (หมู่ที่ 6) ตำบลสาวร้องไห้ ตำบลไผ่ดำพัฒนา (หมู่ที่ 1-8) ตำบลยี่ล้น และตำบลไผ่วง (หมู่ที่ 1-7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.90 ม.
6) อำเภอโพธิ์ทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามง่าม (หมู่ที่ 1,2) ตำบลบ่อแร่ (หมู่ที่ 1-3) และตำบลโพธิ์รังนก (หมู่ที่ 1,2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.90 ม.
7) อำเภอสามโก้ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามโก้ (หมู่ที่ 4, 9-10) ตำบลราษฎรพัฒนา (หมู่ที่ 1-6) ตำบลมงคลธรรมนิมิต (หมู่ที่ 1,3,5,8) ตำบลลอบทม (หมู่ที่ 1,3,4) และตำบลโพธิ์ม่วงพันธ์ (หมู่ที่ 1,2,7) ระดับสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
2.10 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลภูเขาทอง และตำบลบ้านใหม่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.90-1.20 ม.
2) อำเภอบางบาล น้ำในแม่น้ำน้อยท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร 16 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำเต้า (หมู่ที่ 1-8) ตำบลทางช้าง (หมู่ที่ 1-6) ตำบลวัดตะกู (หมู่ที่ 1-9) ตำบลกบเจ้า(หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางหลวง (หมู่ที่ 1-5) ตำบลไทรน้อย (หมู่ที่ 1-10) ตำบลบ้านกุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบางบาล (หมู่ที่ 1-9) ตำบลวัดยม (หมู่ที่ 1-4) ตำบลสะพานไทย (หมู่ที่ 1-5) ตำบลพระขาว (หมู่ที่ 1-7) ตำบลบางหัก (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบางหลวงโดด (หมู่ที่ 1-4) ตำบลบางชะนี (หมู่ที่ 1-5) ตำบลบ้านคลัง (หมู่ที่ 1-7) และตำบลมหาพราหมณ์ (หมู่ที่ 1-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.30 ม.
3) อำเภอบางไทร น้ำในแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลกระแชง (หมู่ที่ 1,2,3,5) และตำบลช้างน้อย (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.20 ม.
4) อำเภอผักไห่ ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลผักไห่ (หมู่ที่ 2,3,4,11,12) ตำบลท่าดินแดง (หมู่ที่ 1-8) ตำบลบ้านใหญ่ (หมู่ที่ 5,6) และตำบลกุฎี (หมู่ที่ 12) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.50 ม.
5) อำเภอเสนา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองเสนา ตำบลรางจระเข้ (หมู่ที่ 5,6,7) ตำบลบ้านกระทุ่ม (หมู่ที่ 1-9) ตำบลสามกอ (หมู่ที่ 1,2) ตำบลหัวเวียง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลบ้านโพธิ์ (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบ้านแพน (หมู่ที่ 1-9) และตำบลบางนมโค (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.00 ม.
6) อำเภอมหาราช มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านนา ตำบลท่าตอ ตำบลบ้านขวาง ตำบลบ้านใหม่ และตำบลหัวไผ่
2.11 จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำท่าจีน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 12 ตำบล อำเภอบางปลาม้า 14 ตำบล และอำเภอสองพี่น้อง 8 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม.
2.12 จังหวัดปทุมธานี แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมพื้นที่ 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านกระแชง ตำบลบ้านกลาง ตำบลบางพูน ตำบลบางขะแยง ตำบลบางคูวัด ตำบลสวนพริกไทย ตำบลบางพูด และตำบลบางกระดี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.40 ม.
2) อำเภอสามโคก มีน้ำท่วมพื้นที่ 10 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบางกระบือ ตำบลกระแซง ตำบลคลองควาย ตำบลท้ายเกาะ ตำบลเชียงรากใหญ่ ตำบล เชียงรากน้อย ตำบลบ้านงิ้ว ตำบลบางโพธิ์เหนือ และตำบลบ้านปทุม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
3) อำเภอคลองหลวง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองหนึ่ง ถึงตำบลคลองเจ็ด ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
4) อำเภอธัญบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองรังสิต บริเวณ หมู่บ้านสร้างบุญ ตลาดสุชาติรังสิต และหมู่บ้านรัตนโกสินทร์สองร้อยปี เทศบาลตำบลธัญบุรี มีน้ำท่วมขังภายในชุมชนคลองขวาง ชุมชนเคหะรังสิตคลอง 6 และชุมชนคลองหก และตำบลบึงยี่โถ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
5) อำเภอลำลูกกา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 8 ตำบล 3 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลตำบลลำลูกกา เทศบาลตำบลลำไทร ตำบลคูคต ตำบลลาดสวาย ตำบลบึงคำพร้อย ตำบลลำลูกกา ตำบลบึงทองหลาง ตำบลลำไทร ตำบลบึงคอไห และตำบลพืชอุดม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
6) อำเภอลาดหลุมแก้ว มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลระแหง ตำบลระแหง ตำบลบ่อเงิน ตำบลลาดหลุมแก้ว ตำบลคลองพระอุดม ตำบลหน้าไม้ และตำบลคูขวาง
2.13 จังหวัดนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงทำให้น้ำเอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มและบ้านเรือนราษฎรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งลำคลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมือง อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และ อำเภอบางกรวย
2.14 จังหวัดปราจีนบุรี น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอกบินทร์บุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 7 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลกบินทร์ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม. ตำบลวังตะเคียน ตำบลวังดาล ตำบลหนองกี่ ตำบลนาแขม ตำบลกบินทร์บุรี ตำบล หาดนางแก้ว และตำบลย่านรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอศรีมหาโพธิ ยังคงมีน้ำท่วมขัง 9 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ ตำบลศรีมหาโพธิ ตำบลหาดยาง ตำบลบ้านทาม ตำบลท่าตูม ตำบลสัมพันธ์ ตำบลบางกุ้ง ตำบลดงกระทงยาง ตำบลหัวหว้า และตำบลหนองโพรง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.00 ม.
3) อำเภอศรีมโหสถ มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลโคกปีบ ตำบลโคกไทย ตำบลไผ่ชะเลือด และตำบลคู้ลำพัน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.40 ม.
4) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลบางบริบูรณ์ ตำบลดงท่างาม ตำบลบางเดชะ ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลรอบเมือง ตำบลดงพระราม และเทศบาลตำบลโคกมะกอก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.60 ม. เนื่องจากรับน้ำจากอำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอศรีมหาโพธิ
5) อำเภอประจันตคาม เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 2 ตำบล ได้แก่ตำบลประจันตะคาม และตำบลหนองแสง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.40 ม.
2.15 กรุงเทพมหานคร ได้เกิดฝนตกต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 10-11 ต.ค.49 และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระบายเข้าทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ ดังนี้
- เขตลาดกระบัง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 37 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตมีนบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม.
- เขตหนองจอก มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 21 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตลาดพร้าว มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
- เขตลาดคันนายาว มีน้ำท่วมขังในพื้นที่วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
- เขตลาดประเวศ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ถนนสุขาภิบาล 2 ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
3. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น.
ร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนบนและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกระจายกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนลดลง
4. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 01.00 น วันที่ 12 ต.ค.49 ถึง 01.00 น วันที่ 13 ต.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดชัยนาท (อ.สรรพยา) 20.0 มม.
จังหวัดชลบุรี (อ.เมือง) 55.2 มม.
จังหวัดภูเก็ต (ท่าอากาศยานภูเก็ต) 53.6 มม.
กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย) 20.9 มม.
5. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 12 ต.ค.49)
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,238 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 224 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง 9,368 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 142 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปริมาตรน้ำ 567 ล้าน ลบ.ม. (รับน้ำได้อีก 143 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุ มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อพร่องน้ำในอ่างฯไว้รอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
6. สภาพน้ำเจ้าพระยา
6.1 วันที่ 13 ต.ค.49 มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ จำนวน 5,520 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จำนวน 3,500 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนพระรามหก จำนวน 717 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 4,217 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ (กรณีปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำท่วม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สองฝั่งเจ้าพระยาของ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
๐ สถิติการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท เมื่อคราวเกิดอุทกภัยเมือปี 2538 และปี 2545
- 5 ต.ค.2538 ระบายน้ำสูงสุด 4,557 ลบ.ม./วินาที
- 10 ต.ค.2545 ระบายน้ำสูงสุด 3,950 ลบ.ม./วินาที
6.2 ในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 1.22 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกง วันละ 6.38 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบออกทะเล วันละ 23.91 ล้าน ลบ.ม. และในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกมีการระบายน้ำและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 12.48 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำและสูบผ่านคลองมหาชัย 0.31 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยามีโครงการคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มีการเปิด-ปิดบานโดยการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง และปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลขึ้น โดยเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.49) สามารถระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จำนวน 13.15 ชั่วโมง โดยมีปริมาณน้ำผ่านสูงสุด ประมาณ 23.40 ล้าน ลบ.ม.
7. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1-12 และรวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
8. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Disasterthailand@yahoo.com หรือ โทรสาร 0-2241-7450-6
(กลุ่มงานปฏิบัติการ ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ