กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--ขสมก.
นายโอภาส เพชรมุณี รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง กรมการขนส่งทางบก ได้มีมติให้มีการปรับอัตราค่าโดยสาร เพิ่มขึ้นอีก 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 สำหรับรถโดยสารประจำทางหมวด 1 และ หมวด 4 ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง ซึ่งรถโดยสารเอกชนร่วมบริการและรถมินิบัสได้ปรับราคาขึ้นไปแล้วแต่ ขสมก.ยังยืนราคาเดิมไว้เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการ แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลได้มีการปรับราคาสูงขึ้นตลอดเวลาทำให้ต้นทุนการเดินรถของ ขสมก.ขยับตัวสูงขึ้นตามไปด้วยโดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 24.21 บาท/ลิตร ขสมก.มีต้นทุนค่าโดยสารสำหรับรถโดยสารครีม-แดง 11.72 บาท/คน จัดเก็บค่าโดยสาร 6 บาท รถโดยสารปรับอากาศครีม-น้ำเงินต้นทุน 24.21 บาท/คน ค่าโดยสารเก็บตามระยะทาง 10-18 บาท ในปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 25.89 บาท/ลิตร ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินการรถโดยสารธรรมดาครีม-แดงสูงขึ้นเป็น 12.14 บาท/คน และรถโดยสารปรับอากาศครีม-น้ำเงินต้นทุนสูงขึ้นเป็น 25.57 บาท/คน ขสมก.ยังยืนราคาเดิมไว้ขณะที่รถร่วมบริการได้ปรับขึ้นไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา
นอกจากนั้นการปรับราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มว่าจะปรับราคาสูงขึ้นต่อไปอีกทำให้ ขสมก.ไม่สามารถยืนค่าโดยสารเดิมไว้ได้ จึงมีความจำเป็นต้องขอปรับราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้นสำหรับรถครีม-แดง เดิมจัดเก็บในราคา 6 บาทเพิ่มอีก 1 บาท เป็น 7 บาท และรถโดยสารปรับอากาศครีม-น้ำเงินเดิมจัดเก็บตามระยะทางในราคา 10-18 บาทปรับเพิ่มอีก 1 บาทเป็นจัดเก็บตามระยะทางในราคา 11-19 บาท ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2549 นี้เป็นต้นไป สำหรับรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูยังคงเก็บในอัตราเดิมไม่มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใด และผู้โดยสารที่ใช้คูปองสามารถใช้ได้โดยการเพิ่มเงินสดให้ครบตามราคาค่าโดยสาร ทั้งนี้ ขสมก.ได้ติดประกาศให้ผู้โดยสารทราบในรถทุกคันแล้ว.