กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--เวเบอร์ แซนวิค
เชฟโรเลตลุยตลาดรถประหยัดพลังงานเต็มตัว เพื่อผู้บริโภคชาวไทย ย้ำรับประกันอุปกรณ์ระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ในรถออพตร้า ระยะยาว พร้อมแจงรายละเอียดเงื่อนไขของการประกัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันเตรียมส่ง โคโลราโด ซีเอ็นจี สนองความประหยัดเต็มพิกัดปลายปีนี้
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเปิดตลาดรถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเต็มตัวในปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทยในการได้ใช้รถพลังงานทางเลือก ในช่วงวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันแพง ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงให้กับประเทศ นอกจากนี้เชฟโรเลตยังเผยถึงรายละเอียดในการรับประกันคุณภาพระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี (CNG) ที่ติดตั้งในรถยนต์ เชฟโรเลต ออพตร้า เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่พร้อมออกจำหน่ายให้กับผู้บริโภคมาตั้งแต่บัดนี้
ทางด้าน มร.วิลเลี่ยม บอทวิค ประธานกรรมการ ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า “จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในตลาดโลก ซึ่งสร้างปัญหาให้กับทั้งคนไทยและคนทั่วโลก จึงทำให้ทางเชฟโรเลตตัดสินใจบุกเบิกติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ ที่สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีในรถ เชฟโรเลต ออพตร้า เพื่อเป็นทางเลือกให้คนไทยได้ใช้รถยนต์ที่มีความประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น เพราะราคาของก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีถูกกว่าราคาน้ำมันถึงกว่า 3 เท่า และยังเป็นการช่วยให้ประเทศไทยลดปริมาณการใช้ การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศอีกด้วย ขณะเดียวกันเชฟโรเลตก็มีความพร้อมทางเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบที่เรามีมานาน และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง”
การติดตั้งระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี จะทำให้ลูกค้าเชฟโรเลตสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากถึงกว่า 3 เท่าตัวเลยทีเดียว หลังจากที่ราคาน้ำมันเบนซินขยับตัวสูงขึ้นถึง 30.18 บาท ต่อหนึ่งลิตร ขณะที่ราคาก๊าซซีเอ็นจี หรือเอ็นจีวีนั้นมีราคาต่ำกว่ามาก เพียงแค่ 8.50 บาทต่อลิตร (ราคา ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2549)
สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงก๊าซซีเอ็นจีในรถออพตร้า ซีเอ็นจี ซีดาน และออพตร้า ซีเอ็นจี เอสเตท นั้น จะเป็นระบบ ไบ-ฟิว (Bi-Fuel) จะสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน หรือก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ที่จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายจากราคาของก๊าซซีเอ็นจี ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซินกว่า 2 เท่าตัว ขณะที่การใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบแบบไบฟิวในออพตร้า เอสเตทนั้น จะสลับการใช้เชื้อเพลิงทั้ง 2 ชนิดระหว่าง น้ำมันเบนซิน กับก๊าซซีเอนจี โดยอัตโนมัติ กล่าวคือ เมื่อเชื้อเพลิงแบบใดแบบหนึ่งหมด ระบบก็จะสลับไปใช้เชื้อเพลิงอีกชนิดทันที โดยไม่ต้องกดปุ่มควบคุมใด ๆ
ขณะเดียวกัน เชื้อเพลิง 2 ระบบในรถ เชฟโรเลต โคโลราโด จะเป็นแบบ ดูอัล ฟิว (Dual Fuel) โดยใช้น้ำมันดีเซล และก๊าซซีเอ็นจี ซึ่งสามารถทำงานพร้อมกันแบบฉีดผสม หรือสามารถเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแบบ 100% ก็ได้ และขณะที่ระบบทำงานแบบฉีดผสมนั้นจะเป็นการใช้ในสัดส่วนของก๊าซซีเอ็นจี 80% และน้ำมันดีเซล 20%
ทางด้าน มร.จอห์น ธอมสัน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความมั่นใจในคุณภาพรถยนต์ของเชฟโรเลต และเพื่อเป็นการช่วยผู้บริโภค จึงได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เชื้อเพลิง 2 ระบบ ในรถยนต์เชฟโรเลต ออพตร้า และจากที่ผ่านมาเราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของรถกระบะ ซึ่งเห็นได้จากระบบล็อกเฟืองท้ายกลไกอัตโนมัติ G80 Diff-Lock ที่มีแต่ในเชฟโรเลต โคโลราโด เพียงรายเดียวเท่านั้น ขณะนี้เราก็กำลังจะเป็นผู้นำอีกครั้งในการผลิตรถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด ที่ใช้เชื้อเพลิง 2 ระบบ คือสามารถใช้ได้ทั้งก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจี และน้ำมันดีเซล ซึ่งลูกค้าเชฟโรเลตสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของตัวรถและอุปกรณ์ที่ติดตั้งว่ามีความแข็งแรง ปลอดภัย เพราะเราเคยทดสอบระบบที่ติดตั้งใน เชฟโรเลต ออพตร้า อย่างหนักหน่วง ตามสภาพการใช้งานจริง วิ่งไปกว่า 200,000 กิโลเมตร ก็ยังไม่พบกับปัญหาใด ๆ และเพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจเราจึงรับประกันคุณภาพของระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซีเอ็นจีตัวนี้ถึง 3 ปีเต็ม หรือ 100,000 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจหันมาใช้รถยนต์ติดตั้งระบบเชื้อเพลิงก๊าซซีเอ็นจีนี้ได้ง่ายขึ้น”
มร.ธอมสันกล่าวต่อไปอีกว่า “เรามั่นใจว่าทั้ง เชฟโรเลต ออพตร้า ซีเอ็นจีและเชฟโรเลต โคโลราโด ซีเอ็นจี จะได้รับการตอบรับที่ดี และเราก็พร้อมแล้วที่จะผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งมีบริการหลังการขายรองรับได้อย่างเต็มที่”
ในส่วนของเงื่อนไขการรับประกัน เชฟโรเลตจะรับประกันระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี ในรถเชฟโรเลต ออพตร้า 1.6 ลิตร ที่ได้รับการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งระบบก๊าซซีเอ็นจีที่รับรองโดยเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย เท่านั้น โดยมีระยะรับประกันระบบเชื้อเพลิงก๊าซซีเอ็นจีนี้ ตลอดระยะเวลา 36 เดือน หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดจะมาถึงก่อน ซึ่งนับจากวันที่รถยนต์ได้ผ่านการตรวจสอบการติดตั้งระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเป็นวันเริ่มต้นการรับประกัน
ลูกค้าสามารถแสดงความจำนงต่อศูนย์บริการเชฟโรเลตทั่วประเทศ ในการติดตั้งระบบก๊าซซีเอ็นจี (สำหรับลูกค้าที่ใช้รถยนต์ เชฟโรเลต ออพตร้า 1.6 ลิตรอยู่แล้ว) หรือสามารถสั่งจองรถใหม่ที่ติดตั้งระบบก๊าซซีเอ็นจีแล้วเสร็จก่อนรับรถก็ได้ ซึ่งลูกค้าจะได้รับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจากการปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศไทย เป็นมูลค่า 10,000 บาท (ตามเงื่อนไขของ ปตท.) สำหรับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบเชื้อเพลิงก๊าซซีเอ็นจี มีรายละเอียดดังนี้
- การรับประกันคุณภาพอุปกรณ์จะครอบคลุมเฉพาะรถยนต์ เชฟโรเลต ออพตร้า เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่ได้รับการติดตั้งจากระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (CNG) จากบริษัทที่รับรองมาตรฐานการติดตั้งโดยบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดเท่านั้น
- การรับประกันคุณภาพจะครอบคลุมส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคุณภาพของวัสดุ และฝีมือการประกอบ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- และการรับประกันอื่น ๆ ตามรายละเอียดเงื่อนไขและข้อจำกัดของการประกันคุณภาพ
ขณะเดียวกัน ทางเชฟโรเลต ยังได้เผยถึงความเป็นไปได้ในการนำรถกระบะทนตัวจริง เชฟโรเลต โคโลราโด ซีเอ็นจี ออกสู่ตลาดเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกให้กับผู้บริโภค และส่งเสริมนโยบายลดการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ
เชฟโรเลต โคโลราโด ซีเอ็นจี จะติดตั้งระบบเชื้อเพลิง 2 ระบบ (dual-fuel) คือ สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันดีเซล และก๊าซซีเอ็นจี ซึ่ง ณ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสาธิตและทดลองติดตั้ง โดยได้ตกลงให้ ยูเอส เอเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น (US Energy) เป็นผู้ผลิตระบบเชื้อเพลิงแบบ dual-fuel ป้อนให้กับทางบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
การริเริ่มติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ ในรถกระบะเป็นครั้งแรกในเมืองไทยของทางเชฟโรเลตนี้ เนื่องจาก รถกระบะเป็นรถที่มีความต้องการสูง มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในประเทศ และเมืองไทยก็ยังเป็นตลาดรถกระบะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตรถกระบะในเมืองไทย ปี 2548 ยังเพิ่มขึ้น 37.62% โดยมียอดการผลิตทั้งหมดที่ 822,867 คัน เพิ่มขึ้นมา 224,953 คัน ส่วน ยอดการผลิตรถกระบะในครึ่งปี 2549 นี้ มียอดการผลิตสะสมอยู่ที่ 435,729 คัน จากการประกาศของสภาอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีการคาดการณ์ว่ายอดการผลิตจะพุ่งถึง 1,000,000 คันเมื่อถึงช่วงสิ้นปี 2549 นี้ ขณะที่ศูนย์การผลิตรถยนต์เจนเนอรัล มอเตอร์ส ที่จังหวัดระยอง ก็ได้ลงทุนเพิ่มอีกกว่า 2,700 ล้านบาท เนรมิตโรงงานทำสีแห่งใหม่ และจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตจาก 110,000 คันต่อปี เป็น 160,000 คันต่อปี เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการรถยนต์เชฟโรเลตในประเทศไทย และเพื่อการส่งออกในตลาดอีก 100 ประเทศทั่วโลก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
คุณชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2791-3400 แฟกซ์. 0-2937-0171
อีเมล: chartchai.suwanasevok@gm.com