รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 1 ธันวาคม 2549 เวลา 17.00 น.

ข่าวทั่วไป Monday December 4, 2006 09:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--ปภ.
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม — 1 ธันวาคม 2549)
1.1 ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 439 อำเภอ 40 กิ่งอำเภอ 16 เขต 3,035 ตำบล 20,425 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,176,597 คน 1,420,056 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 314 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 72 คน อ่างทอง 31 คน พิจิตร 31 คน นครสวรรค์ 25 คน สิงห์บุรี 21 คน สุพรรณบุรี 18 คน สุโขทัย 14 คน พิษณุโลก 12 คน ปราจีนบุรี 12 คน ชัยภูมิ 10 คน ชัยนาท 11 คน ยโสธร 9 คน เชียงใหม่ 7 คน อุทัยธานี 7 คน ปทุมธานี 6 คน ลพบุรี 6 คน แม่ฮ่องสอน 3 คน ลำปาง 3 คน จันทบุรี 3 คน ร้อยเอ็ด 3 คน กรุงเทพมหานคร 2 คน ศรีสะเกษ 2 คน เพชรบูรณ์ 1 คน พังงา 1 คน นครปฐม 1 คน นครราชสีมา 1 คน อุตรดิตถ์ 1 คน และอุดรธานี 1 คน (จากเดิม 303 เป็น 314 เพิ่มขึ้น 11 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 645 หลัง เสียหายบางส่วน 36,735 หลัง ถนน 10,040 สาย สะพาน 663 แห่ง ท่อระบายน้ำ 1,065 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 777 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 6,046,111 ไร่ (ข้อมูลจากการบูรณาการระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) บ่อปลา/กุ้ง 60,244 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,374 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 6,946,825,521 บาท
2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 40 จังหวัด (จ.ลพบุรี มีน้ำท่วมเล็กน้อยในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร)
3. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 7 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี และนนทบุรี ในจำนวน 28 อำเภอ แยกเป็น
3.1 จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำของอำเภอดอนพุด 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลไผ่หลิ่ว ตำบลดงตะงาว และตำบลบ้านหลวง ระดับน้ำสูง 0.20-0.50 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 11,619 ชุด น้ำดื่ม 35,144 ขวด ยารักษาโรค 4,586 ชุด เสื้อผ้า 45 ชุด รองเท้า/ถุงมือ 545 คู่ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง เรือท้องแบน 48 ลำ ถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร 30 ถัง เต็นท์ที่พักชั่วคราว 61 หลัง กระสอบทราย 8,272 ถุง อาหารกล่อง 1,520 ชุด พร้อมสนับสนุนน้ำมันเติมเครื่องสูบน้ำ 11,921 ลิตร สูบน้ำลงทะเลสาบบ้านหมอ
3.2 จังหวัดอ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (ตำบลมหาดไทย) และอำเภอวิเศษชัยชาญ (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.60 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดอ่างทอง อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร มูลนิธิฯ องค์กรเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดส่งรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 3 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 190 หลัง น้ำดื่ม 502,187 ขวด ถุงยังชีพ 91,577 ชุด ยาและเวชภัณฑ์ 39,950 ชุด เรือพาย/ เรือกาชาด/เรือไฟเบอร์/เรือท้องแบน/เรือบริจาค 327 ลำ รถบรรทุกน้ำ 3 คัน รถบรรทุก 31 คัน รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก 16 คัน รถ Unimog 7 คัน เครื่องสูบน้ำ 79 เครื่อง สุขาเคลื่อนที่ 155 ห้อง แท็งค์น้ำ 2,000 ลิตร 68 ถัง
3.3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา (ตำบลลุมพลี) อำเภอผักไห่ (ตำบลลำตะเคียน) อำเภอเสนา (15 ตำบล) อำเภอมหาราช (12 ตำบล) อำเภอบางปะหัน (5 ตำบล) อำเภอบางปะอิน (17 ตำบล) อำเภอบ้านแพรก (3 ตำบล) อำเภอลาดบัวหลวง (6 ตำบล) อำเภอวังน้อย (ตำบลบ่อตาโล่) และอำเภอบางซ้าย (2 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิร่วมกตัญญู องค์เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 391,614 ชุด น้ำดื่ม 1,347,970 ขวด เต็นท์ 183 หลัง เรือท้องแบน 30 ลำ เรือไม้/เรือเหล็ก/เรือไฟเบอร์ 826 ลำ รถบรรทุกน้ำ 40 คัน รถแบ็คโฮ 10 คัน เครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง กระสอบทราย 820,730 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน ห้องสุขาลอยน้ำ 70 ห้อง กำลังพล 4,796 คน สนับสนุนหญ้าแห้งอาหารสัตว์ 63,000 กก. มอบยาเวชภัณฑ์จำนวน 20,884 ชุด
3.4 จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.30-0.40 ม. อำเภอบางปลาม้า (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.50-1.00 ม. และอำเภอสองพี่น้อง (9 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.60-1.30 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 164,064 ชุด น้ำดื่ม 7,000 ขวด ยาเวชภัณฑ์จำนวน 1,000 ชุด กระสอบทราย 300,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 35 เครื่อง เรือท้องแบน 22 ลำ พล ร.9 และศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี
จัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
3.5 จังหวัดนครปฐม น้ำที่ระบายจากคลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองบางเลน ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน (15 ตำบล) เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาลตำบลลำพญา และเทศบาลตำบลบางเลน ระดับน้ำสูง 0.60-1.40 ม. อำเภอนครชัยศรี (14 ตำบล) เทศบาลตำบลนครชัยศรี (ชุมชนริมคลองบางแก้วฟ้า และชุมชนคลองเจดีย์บูชา) อำเภอพุทธมณฑล (4 ตำบล) น้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ ริมคลองโยง และริมคลองทวีวัฒนา และอำเภอกำแพงแสน (1 ตำบล ได้แก่ ตำบลห้วยม่วง หมู่ที่ 1,10) ระดับน้ำสูง 0.30-0.50 ม.
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 31,406 ชุด เรือท้องแบน 93 ลำ เครื่องสูบน้ำ 44 เครื่อง กระสอบทราย 2,379,112 ใบ รถบรรทุก 2 คัน ชุดยาเวชภัณฑ์ 24,124 ชุด ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,692,134.40 บาท
3.6 จังหวัดปทุมธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว ระดับน้ำสูง 0.20-0.60 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัดปทุมธานีได้ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานไปช่วยเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำ เพื่อป้องกันมิให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ พร้อมกับมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัย 31,717 ชุด เรือท้องแบน 133 ลำ กระสอบทราย 2,415,204 ใบ เครื่องสูบน้ำ 127 เครื่อง น้ำขวด 45,500 ขวด สร้างสะพานไม้เป็นทางเดินชั่วคราว 68 แห่ง จัดรถบริการรับส่งประชาชน 4 คัน
3.7 จังหวัดนนทบุรี น้ำยังท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน 5 อำเภอ โดยในเขตอำเภอปากเกร็ด และอำเภอเมืองฯ ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดผ่านคลองพระยาบรรลือ และคลองพระพิมลยังมีพื้นที่น้ำท่วม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางกรวย ระดับน้ำสูง 0.50-1.60 ม. ระดับน้ำลดลง
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 154 ลำ กระสอบทราย 1,768,495 ใบ เครื่องสูบน้ำ 169 เครื่อง เรือสุขา 3 ลำ ถุงยังชีพ 38,204 ชุด สร้างสะพานไม้ชั่วคราว 68 แห่ง กำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,379 นาย รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค และจัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย
4. การให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย
4.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
(1) เครื่องจักรกล 153 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 142 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 555 หลัง (อ่างทอง 177 หลัง พระนครศรีอยุธยา 142 หลัง สุโขทัย 20 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง อุตรดิตถ์ 70 หลัง น่าน 39 หลัง ชัยนาท 35 หลัง และ สิงห์บุรี 22 หลัง) เต็นท์อำนวยการ 15 หลัง บ้านน็อกดาวน์ 10 หลัง(เชียงใหม่) สะพานเบลี่ย์ 57 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่ 642 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 80,359 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
(2) จ่ายเงินค่าจัดการศพ 226 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน 5,965,000 บาท (คงเหลือ 88 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ) ทั้งนี้จังหวัดที่ประสบภัยได้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปแล้ว 719.28 ล้านบาท
(3) จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท
4.2 กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในฤดูฝนปี 2549 ทั่วประเทศ รวม 714 เครื่อง แยกเป็นเพื่อการเกษตร 344 เครื่อง การอุปโภค-บริโภค 10 เครื่อง และช่วยเหลืออุทกภัย 360 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 31 เครื่อง แยกเป็นจังหวัดนนทบุรี 6 เครื่อง กรุงเทพมหานคร 14 เครื่อง สมุทรสาคร 6 เครื่อง นครปฐม 5 เครื่อง
ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาอุทกภัย ณ ที่ว่าการอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดังนี้
1) จัดส่งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง บริเวณคลองควาย ตำบลบางระกำ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 21 พ.ย.49
2) กำจัดวัชพืช พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 1 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น บริเวณ คอสะพานข้ามคลองพระพิมลตัดถนนกาญจนาภิเษก จังหวัดนนทบุรี ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 22 พ.ย.49
3) จัดส่งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เข้าช่วยเหลือราษฎรบริเวณวัดสโมสร ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 22 พ.ย.49
5. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 30 พ.ย.49 ถึง 07.00 น วันที่ 1 ธ.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อ.ท่าเรือ) 15.0 มม. จังหวัดจันทบุรี (อ.เมือง) 16.6 มม.
จังหวัดสุราษฎรธานี (อ.พระแสง) 11.3 มม. กรุงเทพมหาคร (เขตบางแค) 6.8 มม.
6. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 1 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,245 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,379 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 929 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 97 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
7. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูลวันที่ 1 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน
- ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 626 ลบ.ม./วินาที
- ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 450 ลบ.ม./วินาที
- ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1,431 ลบ.ม./วินาที
8. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 1 ธ.ค. 2549 เวลา 10.00 น.
ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมถึงประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่า จะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.)ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศหนาวเย็นลงเป็นลำดับ อุณหภูมิจะลดลง2-4 องศา โดยจะเริ่มในภาคตะวันออก-เฉียงเหนือก่อน สำหรับภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ อนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. พายุไต้ฝุ่น‘‘ทุเรียน”บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 140 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. พายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงกับลักษณะอากาศของประเทศไทย
9. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5,6,7,8,9,10 จังหวัดชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุครธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ สุโขทัย อุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร แพร่ อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง ลำพูน เตรียมการป้องกันและแก้ไขอุบัติภัยอันเกิดจากสภาพอากาศฝนฟ้าคะนองและหมอกหนา ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ขับขี่ยานพาหนะใช้เส้นทางจราจรไป-มา ระหว่าวันที่ 2 — 6 ธันวาคม 2549 ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในเขตความรับผิดชอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
10. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ