กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน เดินหน้าดันฉลากแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่อ เล็งขยายสู่ ปิคอัพ และมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับต่อไป หลังรถเก๋งขนาดเล็ก ได้ฮอนด้านำร่องเป็นเจ้าแรก
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศถึงวันละประมาณ 8 แสนบาร์เรล คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี โดยพบว่าภาคขนส่งมีการใช้น้ำมันสูงสุด โดยเฉพาะการขนส่งทางบกมีการใช้น้ำมันสูงถึง 80% ของการขนส่งทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลประมาณ 10 ล้านคัน และพบว่ามีอัตราการเพิ่มของรถใหม่ไม่ต่ำกว่า 2,000 คันต่อวัน
ที่ผ่านมา ภาครัฐได้มีการรณรงค์ลดใช้พลังงานและให้ความรู้เรื่องการขับขี่รถยนต์ประหยัดน้ำมันอย่างต่อเนื่อง อาทิ การตรวจเช็คเครื่องยนต์เป็นประจำ ขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และการวางแผนก่อนการเดินทาง เป็นต้น ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จ มีประชาชนให้ความร่วมมือในการประหยัดน้ำมันตามคำแนะนำจนติดเป็นนิสัย นอกจากนี้ เพื่อผลักดันให้การลดการใช้น้ำมันเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นให้ประชาชนรู้จักและเลือกซื้อพาหนะที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค โดยภาครัฐตั้งเป้าหมายไว้ว่า หากประชาชนเลือกซื้อรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีอย่างน้อย 10,000 คันต่อปี จะสามารถลดการใช้น้ำมันได้ปีละ 5 ล้านลิตร คิดเป็นเงินปีละ 125 ล้านบาท
สนพ. จึงร่วมกับสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จัดทำฉลากแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงหรือฉลากรถประหยัดน้ำมัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตและนำเข้ารถยนต์ ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคทราบถึงอัตราการบริโภคน้ำมันของรถยนต์ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อ โดยฉลากรถรุ่นแรกที่ทำการเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 เป็นฉลากสำหรับรถเก๋งขนาดเล็กหรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดไม่เกิน 1,600 ซีซี. ซึ่งมี “ฮอนด้า” นำรถ 4 รุ่นคือ 1.City iDSI 2. City VTEC 3. Jazz iDSI และ 4. Jazz VTEC นำร่องติดฉลากเป็นยี่ห้อแรก
“ปัจจุบัน ภาครัฐกำลังเร่งดำเนินการให้ความรู้เกี่ยวกับฉลากรถอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนเลือกซื้อรถที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน รถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ จะเริ่มทยอยติดฉลากแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ สนพ. ยังได้เตรียมขยายขอบเขตการติดฉลากแสดงอัตราการใช้เชื้อเพลิงไปยังรถยนต์นั่งขนาดใหญ่หรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดตั้งแต่ 1,600 ซีซี.ขึ้นไป รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ปิคอัพ) และรถจักรยานยนต์ เป็นอันดับต่อไป เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ต้องการซื้อรถใหม่ และเพื่อให้มาตรการประหยัดพลังงานในภาคขนส่งประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของรถแต่ละรุ่น” นายวีระพลกล่าว
อนึ่ง ฉลากแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เป็นฉลากที่แสดงตัวเลขอัตราการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Consumption : FC) ในหน่วย กิโลเมตร/ลิตร (Km/l) เช่น ฉลากแสดงตัวเลข 16.2 กม./ลิตร หมายถึง หากเติมน้ำมัน 1 ลิตร รถจะวิ่งได้ระยะทาง 16.2 กม. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้จากการทดสอบมลพิษ (Emission Test) ในห้องทดสอบตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โดยอ้างอิงมาตรฐาน มอก. 2160-2546 ซึ่งเทียบเท่ามาตรฐาน EURO 3 ที่ใช้ในยุโรป ในสภาวะการใช้งานแบบผสมผสาน (Combined Mode) ที่มีทั้งการขับขี่ในเมืองและขับขี่ทางไกล เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานรถยนต์โดยทั่วไป โดยผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดข้อมูลอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้จากโชว์รูมรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการฯ