กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ปตท.
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลจากการโจมตีระหว่างอิสราเอลและเลบานอน และปัจจัยต่างๆ รอบโลก ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง ปตท. มิได้มีการปรับราคาน้ำมันขายปลีกให้สูงขึ้นในขณะเดียวกันได้แบ่งเบาภาระโดยรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ล่าสุดจากข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินทางไปกรุงเบรุตเพื่อเจราให้อิสราเอลและเลบานอนยุติการโจมีและเริ่มเจรจาอย่างสันติ ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาบ้าง โดยวันนี้ (25 ก.ค.49) ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 67.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซิน95 ลงมาอยู่ที่ระดับ 84.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 83.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ ปตท. สามารถปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดลง 40 สตางค์/ลิตร ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.49) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ทำให้ราคาน้ำมันในเขต กทม. และปริมณฑลเป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 29.79
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 28.29
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 28.99
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 27.54
น้ำมันพีทีทีไบโอดีเซล / น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 27.04
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า แม้ทิศทางราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงเนื่องจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเริ่มลดลง ประกอบกับกลุ่มนักเก็งกำไรหันไปใหความสนใจซื้อทำกำไรทองคำมากกว่าน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานทุกชนิด เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนสูงมาก จากความยืดเยื้อของสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับกลุ่ม Hizbollah และปัญหาความขัดแย้งกรณีข้อพิพาทการทดลองนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มประเทศตะวันตก รวมทั้งความรุนแรงในประเทศไนจีเรีย ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยง
สำหรับ ปตท. ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านพลังงานของประเทศ จะดูแลการปรับราคาให้มีความเหมาะสมและมีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยทันทีที่ต้นทุนราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลง ปตท.พร้อมที่จะปรับราคาน้ำมันขายปลีกลงทันที และทุกครั้งที่ผ่านมา ปตท. จะพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันช้ากว่าผู้ค้ารายอื่นๆ หรือไม่ได้มีการปรับขึ้น ราคาดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค (ในระดับที่ ปตท. สามารถรับภาระแทนได้เช่นที่เคยปฏิบัติมา) ทำให้ถึงขณะนี้ ปตท. รับภาระไปแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่ง ผม ขอย้ำว่าขอให้ทุกท่านช่วยกันประหยัดอย่างจริงจัง ใช้น้ำมันให้ถูกประเภทและเหมาะสมกับรถยนต์ โดยอาจเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV แทน LPG เพราะ LPG หรือก๊าซหุงต้มนั้นเหมาะสมที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนเท่านั้น ที่สำคัญก๊าซ NGV ราคาถูกกว่า เพราะ ปตท.ช่วยตรึงราคาไว้ที่ระดับราคา 8.50 บาท/กิโลกรัม นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน
โทรศัพท์ 0 2537 2537, 2538