กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--ปชส.จร.
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนในภาคเหนือ หวังผลักดันสินค้าเกษตรและสินค้า OTOP สู่ตลาดเอเชียใต้
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดสัมมนาเชิงวิชาการในรูปแบบการเสวนาเรื่อง “การค้าไทยในเอเชียใต้ : ตลาดที่ถูกมองข้าม” ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2549 ที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายพิพัฒน์ วงศาโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดการสัมมนา ซึ่งการสัมมนานี้วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเอเชียใต้ ให้แก่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ เกษตรกร เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัดและประชาชนทั่วไปในภูมิภาคให้รับทราบโอกาสในการขยายการค้า การลงทุน โดยเฉพาะสินค้าสำคัญของภาคเหนือที่มีศักยภาพในการส่งออก ได้แก่ สินค้าเกษตร เช่น ข้าว สับปะรด และสินค้า OTOP เช่น ผ้าทอมือ เครื่องจักรสาน และผลไม้แปรรูป เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการตื่นตัวและ หันมาสนใจตลาดเอเชียใต้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายการค้าไทยในตลาดดังกล่าว ส่วน นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับตลาดเอเชียใต้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่สามารถรองรับสินค้าไทยและกระจายไปยังภูมิภาคใกล้เคียงได้ ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับนโยบายในการเจาะตลาดเอเชียใต้ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆที่เข้าร่วมสัมมนาให้ความรู้ในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า เช่น ขั้นตอนการส่งออก การนำเข้า รวมถึงการนำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจ โดยมีสาระสำคัญ คือ กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวถึงโอกาสและศักยภาพของสินค้าที่ผลิตในภาคเหนือที่สามารถส่งออกสู่ตลาดเอเชียใต้ได้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ความรู้ในการนำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ รวมทั้งการนำเอาสินค้า OTOP มาจดทะเบียน กรมศุลกากร ให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการพิธีการศุลกากรในการส่งออกและนำเข้า
การสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมเกือบ 200 คน โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยระหว่างการสัมมนาผู้ผลิตได้นำสินค้า OTOP ต่างๆ มาเสนอให้วิทยากรผู้เกี่ยวข้องให้ข้อคิดเห็นและแนะนำจุดเด่นและจุดด้อยของสินค้าดังกล่าว เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงให้เหมาะสมกับรสนิยมและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเอเชียใต้ และในช่วงสุดท้ายของการสัมมนาได้ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และตอบข้อซักถาม ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับประโยชน์ มีความเข้าใจและเห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดเอเชียใต้ยิ่งขึ้น
นางอภิรดี กล่าวต่อว่า การจัดสัมมนาในหัวข้อดังกล่าวทั้ง 3 ครั้ง นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งในการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ตลาดเอเชียใต้ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรมฯ จะพยายามจัดการสัมมนาในรูปแบบดังกล่าวเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องต่อไป