กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ปตท.สผ.
นายมารุต มฤคทัต (Maroot Mrigadat) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. สรุปผลงานและประเด็นสำคัญในปี 2548 แผนการลงทุนในปี 2549 และแนวโน้มการลงทุนในอนาคต ดังนี้
ผลการดำเนินงาน ปตท.สผ. ปี 2548 กำไรสุทธิ 23,735 ล้านบาท line_tabผลการดำเนินงานก่อนตรวจสอบ (Unaudited) สำหรับปี 2548 ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 23,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,869 ล้านบาท หรือ 50% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิของ ปีก่อนจำนวน 15,866 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นปรับลด 36.21 บาท โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อ ผู้ถือหุ้น (Return on shareholders’ equity) ในปีนี้ที่ 36.86%line_tabปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีรายได้สำหรับปีนี้รวมทั้งสิ้น 69,583 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนจำนวน 48,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,166 ล้านบาท หรือ 44% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 29.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของปีก่อนที่ 23.38 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 153,531 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายของปีก่อนที่ 134,070 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการขายน้ำมันดิบของโครงการ S1โครงการ B8/32 & 9A และโครงการนางนวล รวมทั้ง ก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทของโครงการบงกช โครงการไพลิน และโครงการเยตากุน ทั้งนี้ ในไตรมาสสี่ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้ให้ส่วนลด ค่าก๊าซธรรมชาติแก่บริษัท ปตท. จำกัด เพื่อส่งต่อให้ กฟผ. ในการนำไปลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) จำนวน 1,169 ล้านบาทline_tab
ปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 6% line_tabสำหรับปริมาณสำรองปิโตรเลียมพิสูจน์แล้ว (Proved Reserve) ของ ปตท.สผ. รวมทุกโครงการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 คิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบและคอนเดนเสทประมาณ 151 ล้านบาร์เรล และเป็นก๊าซธรรมชาติประมาณ 5,158 พันล้านลูกบาศก์ฟุต หรือรวมทั้งหมดประมาณ 950 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือประมาณ 6% เมื่อเทียบกับปริมาณสำรองพิสูจน์แล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ที่ปริมาณ 899 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
ปี 2549 ปตท.สผ. ลงทุนกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มปริมาณการขาย 16% line_tabปตท.สผ. ได้เร่งพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2549 ปตท.สผ.ได้ตั้งเป้าหมายอัตราการขายไว้ที่ 179,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 16% จากปริมาณการขายในปี 2548 โดย ปตท.สผ. ได้กำหนดงบประมาณการลงทุนในปีนี้เพื่อการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศจำนวน 29 โครงการ เป็นเงินประมาณ 63,341 ล้านบาท เป็นการลงทุนในประเทศ 77% และต่างประเทศ 23%
การลงทุนในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการในอ่าวไทย ได้แก่ โครงการอาทิตย์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ประมาณ 13,600 ล้านบาท หรือ 21% เพื่อการติดตั้งแท่นผลิต (Production Platform) จำนวน 1 แท่น แท่นหลุมผลิต (Wellhead Platform) จำนวน 6 แท่น รวมทั้งจะขุดเจาะหลุมพัฒนาอีก 44 หลุม เพื่อให้พร้อมส่งก๊าซธรรมชาติในอัตรา 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2550 นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังลงทุนในโครงการบงกชอีกประมาณ 5,900 ล้านบาท หรือ 9% โดยจะก่อสร้างแท่นหลุมผลิตเพิ่มเติมอีก 6 แท่น และขุดเจาะหลุม 11 หลุม ส่วนโครงการ S1 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,600 ล้านบาท หรือ 9% สำหรับการขุดเจาะหลุม 35 หลุม เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันดิบเป็น 19,300 บาร์เรลต่อวัน สำหรับโครงการ B8/32 & 9A จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,700 ล้านบาท หรือ 9% เพื่อติดตั้งแท่นผลิต จำนวน 5 แท่น และขุดเจาะหลุมอีก 105 หลุม เพื่อให้สามารถส่งน้ำมันดิบได้ในอัตรา 53,000 บาร์เรลต่อวัน โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย จะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,100 ล้านบาท หรือ 7% สำหรับการขุดเจาะหลุมจำนวน 7 หลุม โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตก๊าซฯ ได้ในอัตรา 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2551 นอกจากนี้ โครงการนางนวล จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือ 4% ในการก่อสร้างและติดตั้งแท่นหลุมผลิตจำนวน 2 แท่น และขุดเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุม เพื่อรักษาระดับการผลิตที่ 5,000 — 7,000 บาร์เรลต่อวันline_tabสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ. จะเร่งพัฒนาโครงการโอมาน 44 โดยใช้เงินลงทุน ประมาณ 4,700 ล้านบาท หรือ 7% โดยมีเป้าหมายจะส่งก๊าซธรรมชาติในอัตรา 50 ล้านลูกบาศก์ฟุต และคอนเดนเสทในอัตรา 4,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังลงทุนในโครงการในประเทศพม่าอีกประมาณ 6,200 ล้านบาท หรือ 10% และลงทุนในโครงการในประเทศเวียดนามอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือ 3%
เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากหุ้นละ 5 บาท เป็น 1 บาท line_tabเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในหุ้น ปตท.สผ. ได้มากขึ้น เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น ปตท.สผ. ที่ตราไว้ (Par Split) จากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ซึ่งจะมีผลทำให้จำนวนหุ้นสามัญที่ ปตท.สผ. ได้จดทะเบียนไว้เพิ่มขึ้นจาก 664,400,000 หุ้น เป็น 3,322,000,000 หุ้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 เมษายน 2549 ด้วย
มุ่งขยายธุรกิจสำรวจและผลิตในอนาคต line_tabปตท.สผ. ยังคงมองหาลู่ทางที่จะลงทุนในภูมิภาคที่มีศักยภาพทางด้านปิโตรเลียมตามแผน กลยุทธ์ของกระทรวงพลังงาน และ ปตท.สผ. เพื่อลดผลกระทบจากการขาดดุลการค้าในการนำเข้าน้ำมันดิบ และชดเชยการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ line_tabสำหรับในประเทศไทย เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติข้อเสนอขอสัมปทานปิโตรเลียมตามประกาศเชิญชวนครั้งที่ 19 ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่ง ปตท.สผ. ได้รับอนุมัติแปลงสัมปทานปิโตรเลียมนอกชายฝั่งจำนวน 2 แปลง ได้แก่ แปลงสัมปทานหมายเลข G9/48 ซึ่งได้รับร่วมกับบริษัท ยูโนแคลอันดามัน จำกัด โดย ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ (Operator) และแปลงสัมปทานหมายเลข G12/48 ซึ่งได้รับร่วมกับโดยบริษัท โททาล อีแอนด์ พี ไทยแลนด์ และบริษัท ไทยเอนเนอร์จี จำกัด โดย ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ line_tabสำหรับในทวีปอัฟริกาเหนือ นอกจากประเทศอัลจีเรีย ซึ่ง ปตท.สผ. อยู่ระหว่างการเจาะหลุมสำรวจในโครงการอัลจีเรีย 413a & 416b แล้ว ปตท.สผ. ยังสนใจที่จะขยายฐานการลงทุนในประเทศลิเบียซึ่งเป็นประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปค ประเทศซูดาน และประเทศอียิปต์ ซึ่งประเทศในแถบนี้ค่อนข้างมีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูง ประกอบกับมีโครงสร้างสาธารณูปโภครองรับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีพื้นที่ตั้งอยู่ใกล้ยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการปิโตรเลียมสูงอีกด้วย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ ฝ่ายกิจการสัมพันธ์
สิทธิไชย ไชยันต์/ ต้องจิตร วัฒนาเมธี /พัลลภ ลิ่มสกุล /จักรา ศรีนาคนันทน์
โทร. 02 537 4592, 02 537 4587, 02 537 4507--จบ--