เครือข่ายประชาชน 10 เครือข่ายนับหมื่นคนบุกเชียงใหม่ 9 มกรานี้

ข่าวทั่วไป Friday January 6, 2006 11:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน
เครือข่ายประชาชน 10 เครือข่ายนับหมื่นคนบุกเชียงใหม่ 9 มกรานี้ ต้านการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐฯ สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย, 5 มกราคม 2549 ที่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 11.00 น. เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศ 10 เครือข่าย ซึ่งประกอบไปด้วย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ แห่งประเทศไทย, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค, เครือข่ายป่าไม้-ที่ดิน 4 ภาค, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, เครือข่ายสลัมสี่ภาค, สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์, สมัชชาคนจน และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch) ได้ร่วมกันแถลงข่าวการระดมพลนับหมื่นคนบุกเชียงใหม่เพื่อต่อต้านการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ แกนนำกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch) กล่าวว่า การระดมพลเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อต่อต้านการทำเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ทั้งนี้จะมีการระดมพลมากกว่าหนึ่งหมื่นคนจากเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเอฟทีเอจำนวน 10 เครือข่ายเข้าร่วมคัดค้าน โดยจะเริ่มต้นการชุมนุมตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 9 มกราคม เป็นต้นไป
ทั้งนี้เนื่องจากการศึกษาของกลุ่มสอดคล้องกับการศึกษาของนักวิชาการและสถาบันวิจัยต่างๆที่พบว่าการทำเอฟทีเอจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่จะต้องใช้ยาแพง สร้างผลกระทบต่อเกษตรกร เปิดโอกาสให้บรรษัทข้ามชาติเข้ายึดครองทรัพยากรของประเทศ เปิดให้มีการลงทุนอย่างกว้างขวางรวมทั้งมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นของต่างชาติ โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบแทบทุกกลุ่ม มีกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเท่านั้นที่ประโยชน์
เท่าที่ผ่านมาได้มีการเสนอความเห็นจากนักวิชาการแต่รัฐบาลไม่ยอมรับฟังแม้แต่น้อยยังคงเดินหน้าการทำเอฟทีเอต่อไปทั้งๆที่ผลจากการการทำเอฟทีที่ผ่านมาพบว่าทำให้ประเทศไทยขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นล้าน เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการชุมนุมใหญ่ภายใต้คำขวัญ "หยุดเอฟทีเอ หยุดแปรรูประเทศ สร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม" อันเป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นภายใต้รัฐธรรมนูญ
ด้านนายกมล อุปแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ กล่าวว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะมีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศส่งตัวแทนเข้าร่วมคัดค้านกว่า 2,000 คน "ขณะนี้ยาที่ใช้ในการรักษาก็มีราคาแพงมากอยู่แล้ว ผู้ติดเชื้อแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายด้านยาเดือนละนับหมื่นบาท การทำเอฟทีเอจะทำให้ยาที่เรากินมีราคาแพงขึ้นไปอีก "
โดยนอกจากผู้ติดเชื้อที่จะได้รับผลกระทบแล้วผู้ป่วยเรื้อรังและคนไทยทุกคนที่ต้องซื้อยาทุกคนจะต้องซื้อยาในราคาที่แพงขึ้นเหมือนๆกันเพราะผลจากการขยายอายุสิทธิบัตรออกไปทำให้มีการผูกขาดยามากขึ้น
จากการศึกษาของนักวิชาการทั้งในออสเตรเลียและในประเทศไทยพบว่าราคายาจะแพงขึ้นมากตั้งแต่ 30% จนถึง 500% จะมีการซื้อยาในราคาแพงเพิ่มขึ้นนับแสนล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้าถ้ามีการลงนามเอฟทีเอกับสหรัฐอเมริกา
ส่วนนายอุบล อยู่หว้า จากเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกแถลงว่า การทำเอฟทีกับสหรัฐจะเป็นการทำลายเศรษฐกิจแบบพอเพียง เกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลือง ข้าวโพด และเกษตรกรรายย่อยที่ปลูกพืชชนิดเดียวกับสหรัฐ จะได้รับผลกระทบหมด การทำเอฟทีกับสหรัฐนั้นจะสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรมของไทย เพราะนอกจากประเทศไทยจะต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้อเมริกาแล้ว ยังจะต้องเปิดเสรีพืชจีเอ็มโอ และมีการเจรจาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาด้วย หลังวันที่ 4 ธันวาคม 2549 นายกรัฐมนตรีชอบพูดว่ารัฐบาลจะเดินตามแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง แต่ในทางปฏิบัติกลับทำในสิ่งตรงข้าม มีเฉพาะบริษัทเจริญโภคภัณฑ์และบริษัทที่ส่งออกกุ้งและไก่ รวมทั้งบริษัทรถยนต์ บริษัทส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์เท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จากการทำเอฟทีเอครั้งนี้ ชาวนาที่ปลูกข้าวก็มิได้รับผลประโยชน์ใดๆเพราะว่าฝ่ายสหรัฐจะไม่มีการลดการอุดหนุนลงภายใต้การเจรจาเอฟทีเอ ในทางตรงกันข้ามบริษัทสหรัฐจะสามารถเข้ามาจดสิทธิบัตรข้าวหอมมะลิ พันธุ์พืชสมุนไพรของไทย เพราะฝ่ายสหรัฐเรียกร้องให้ไทยแก้กฎหมายรับรองการจดสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิต
ด้านนางกิมอัง พงษ์นารายณ์ จากสภาเครือข่ายองค์กรประชาชนกล่าวว่า ผลจากการทำเอฟทีเอกับจีนนั้นส่งผลให้เห็นแล้วอย่างชัดเจน ขณะนี้เกษตรกรที่ปลูกหอม กระเทียมต้องลดพื้นที่ปลูกไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง ราคาหอมกระเทียมไทยราคาตกลงอย่างมาก พ่อค้าจีนเข้ามาเต็มไปหมด สิ่งที่รัฐบาลบอกว่าจะมีโครงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย
"ผมขอฝากเตือนบอกกับพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลือง ข้าวโพด องุ่น มันฝรั่งนับล้านๆคนว่า
ต่อไปจะเป็นรอบของท่านที่จะได้รับผลกระทบ หลังจากพวกที่ปลูกผัก และผลไม้เมืองหนาวได้รับผลกระทบมาแล้วจากเอฟทีเอไทย-จีน หากรัฐบาลเดินหน้าทำเอฟทีเอต่อไป เกษตรกรที่ยากจนและเต็มไปด้วยหนี้สินจะไม่มีที่ให้ยืนในประเทศนี้อีกแล้ว"
ด้านนายศิริชัย ไม้งาม เลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า สสร.ขอผนึกกำลังร่วมเคลื่อนไหวครั้งนี้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรประชาชนอีก 9 เครือข่ายด้วย การทำเอฟทีเอกับสหรัฐไม่ใช่เป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเท่านั้นแต่เป็นการเปิดการแปรรูปประเทศไทยทั้งหมด
สหรัฐเรียกร้องให้ฝ่ายไทยเปิดการลงทุนทุกเรื่องรวมทั้งน้ำประปา ไฟฟ้า และรัฐวิสาหกิจทุกอย่าง ความต้องการของต่างชาติจึงตรงกับความต้องการของกลุ่มผลประโยชน์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถไว้วางใจได้อีกต่อไป ประชาชนไทยต้องเรียนรู้ประสบการณ์ของประชาชนในลาตินอเมริกา ที่พบว่าหลังการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟแพง จนต้องออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อล้มล้างการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีแห่งอเมริกา หรือ FTAAs ( Free Trade Ares of the Americs) ซึ่งมีการชุมนุมนับแสนคนๆเมื่อปลายปีที่แล้ว จนขณะนี้แผนการทำข้อตกลง FTAAs ได้หยุดชะงักลง
ด้านนางประทิน เวคะวากยานนท์จากเครือข่ายสลัมสี่ภาค และนางคุณสมบุญ สีคำดอกแค
จากสมัชชาคนจนแถลงเพิ่มเติมว่า การชุมนุมประท้วงครั้งนี้จะแหลมคมยิ่งกว่าการชุมนุมต่อต้านเอฟทีเอไทยสหรัฐรอบ 3 ที่พัทยา ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลก็มิได้รับฟังข้อเรียกร้องแต่ประการใด
การชุมนุมครั้งนี้เราจะยื่นข้อเสนอเป็นทางการต่อรัฐบาลให้สัญญาว่าจะไม่การแปรรูปน้ำไฟและรัฐวิสาหกิจที่สร้างผลกระทบต่อคนจน ไม่ยอมตามเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และเปิดตลาดสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยเราจะชุมนุมกดดันไม่ยอมถอยจนกว่ารัฐบาลจะให้สัญญากับเรา
นางสาวบุญยืน ศิริธรรม จากสหพันธ์องค์ผู้บริโภคยังได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการทำเอฟทีเอไทย-สหรัฐ เช่น กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยวขนาดเล็ก ผู้ประกอบการร้านเสริมสวย พนักงานบริษัททางการเงิน ผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ ผู้บริโภค ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่หวงแหนอธิปไตยของประเทศเข้าร่วมชุมนุม และสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้
"ท่านคงเห็นได้ว่าตลอดเวลาของรัฐบาลชุดนี้ องค์กรอิสระต่างถูกแทรกแซง แม้แต่รัฐสภาก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ มีแต่การลุกขึ้นสู้ร่วมกันของประชาชนเท่านั้นที่จะหยุดเอฟทีเอ หยุดการแปรรูปประเทศ และสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรมได้ เราขอเชิญชวนให้ทุกท่านเข้าร่วมการชุมนุม และให้การสนับสนุนเครือข่ายองค์กรประชาชน 10 เครือข่ายในการเคลื่อนไหวครั้งนี้" โดยท่านสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากเว็บไซท์ www.ftawatch.org หรือติดต่อศูนย์ประสานงานการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้ที่ 09-770-1872 (กรรณิการ์) , 09-927-1268 (สายรุ้ง)
ก ลุ่ ม ศึ ก ษ ข้ อ ต ก ล ง เ ข ต ก ร ค้ เ ส รี ภ ค ป ร ช ช น
801/ 8 ถ.งามวงศ์วาน ซ.งามวงศ์วาน 27 อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร.02-952-7953 โทรสาร 02-591-5076
email: info@ftawatch.org www.ftawatch.org--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ