SET เผยจัดสรรเงินฝากส่วนหนึ่งลงทุนในสินทรัพย์อื่น ช่วยเพิ่มผลตอบแทน โดยความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะยังคงฝากธนาคารเป็นหลัก

ข่าวทั่วไป Wednesday August 16, 2006 15:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--ตลาดหลักทรัพย์
สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสนอรายงานการศึกษาผลตอบแทนจากการจัดสรรเงินออมไปลงทุนในหุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ โดยยังคงมีเงินฝากประจำเป็นหลัก ยกกรณีตัวอย่างแบ่งเงินฝากธนาคารร้อยละ 20 ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีโอกาสได้ผลตอบแทนรวมทั้ง portfolio กว่า 3 เท่าของกรณีฝากเงินในธนาคารอย่างเดียว และความเสี่ยงโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “เลือกทางออมใหม่ให้ได้มากกว่าเดิม” ในรายงาน SET Note ฉบับที่ 6/2549 ว่า คนไทยออมเงินโดยฝากธนาคารในสัดส่วนที่สูง หรือ ประมาณร้อยละ 19 ของเงินทั้งหมด ในขณะที่ชาวอเมริกันออมเงินโดยฝากธนาคารเพียงร้อยละ 1 ของเงินทั้งหมด เพราะเห็นว่าให้ผลตอบแทนต่ำอาจไม่เพียงพอที่จะมีเงินเหลือไว้ใช้ในวัยเกษียณ ถึงแม้การฝากธนาคารจะมีความเสี่ยงต่ำก็ ตามจากข้อมูล SET Note ฉบับที่ 5/2549 พบว่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเงินฝากธนาคารให้อัตราผลตอบแทนสะสมเพียง ร้อยละ 7 ต่อปี ในขณะที่หุ้นโดยรวมให้อัตราผลตอบแทนสะสมถึงร้อยละ 12 ต่อปี
“หากประชาชนฝากเงินทั้งหมดในธนาคารจะเสียโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการนำเงินไปลงทุนในตราสารทางการเงิน ขณะเดียวกันหากลงทุนในตราสารทางการเงินทั้งหมดก็มีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าแบ่งเงินฝากส่วนหนึ่งลงทุนในหุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ สามารถได้รับผลตอบแทนรวมสูงขึ้นได้ และยังสามารถรักษาความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำ เพราะยังมีเงินอีกส่วนหนึ่งฝากไว้ในธนาคาร ซึ่งผลตอบแทนโดยรวมและความเสี่ยงจะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสัดส่วนการจัดสรรเงินออมของแต่ละคน” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว
กรณีตัวอย่างการจัดสรรเงินออมในรายงานการศึกษาระบุว่า หากแบ่งเงินจากยอดบัญชีเงินฝากประจำ 1 ล้านบาทตั้งแต่ต้นปี 2547 มาทยอยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 5 ตัวทุกเดือน เดือนละ 20,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเงินลงทุน 240,000 บาท และถือหุ้นถึงสิ้นไตรมาส 2 ปี 2549 ผู้ออมจะได้รับผลตอบแทนรวมจากดอกเบี้ยเงินฝากและจากการลงทุนในหุ้นเกือบร้อยละ 12 ซึ่งสูงกว่าการฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวประมาณ 3 เท่า และความเสี่ยงก็ยังต่ำ โดยไม่มีเดือนใดที่อัตราผลตอบแทนรวมของทั้ง portfolio ลดลงกว่าร้อยละ 3
ในรายงานการศึกษายังยกกรณีตัวอย่างอีกหลายกรณี เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้ออมเงินมีทางเลือกในการลงทุนหลายรูปแบบตามความสนใจส่วนตัว เช่น หากไม่สนใจลงทุนในหุ้นก็สามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชนได้ ซึ่งให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงแตกต่างกันไป ทั้งนี้ การเลือกจัดสรรและการให้น้ำหนักลงทุนขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุนเองด้วย หากผู้ลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงมากแต่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยก็ควรจัดสรรเงินส่วนใหญ่ฝากในธนาคารและลงทุนในสัดส่วนน้อย ก็ยังรักษาความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำได้
ผู้สนใจติดตาม SET Note ได้เพิ่มเติมที่ http://www.set.or.th/setresearch/setnote_p1.html
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ