เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท ปรับโฉมรูปลักษณ์ซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่ ชูไลฟ์สไตล์ทันสมัย

ข่าวทั่วไป Monday March 27, 2006 14:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เตรียมปรับโฉมและรีแบรนดฺ์ซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมดด้วยเงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท พร้อมมั่นใจแบรนด์ใหม่จะสร้างสีสันทันสมัยให้กับธุรกิจ ค้าปลีกในไทย
บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด นับเป็นผู้บริหารงานซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลกในปี 2548 โดยบริหารงาน เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, มาร์เก็ตเพลส บาย ท็อปส์, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และซิตี้ มาร์เก็ต และในปี 2549 นี้ บริษัทฯ จะทำการปรับโฉมรูปแบบร้านค้าและแบรนด์ใหม่ พร้อมทั้งเปิดตัวร้านค้ารูปแบบใหม่ “ท็อปส์ เดลี่”
ภายใต้รูปลักษณ์เดิมของ มาร์เก็ตเพลส บาย ท็อปส์, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และซิตี้ มาร์เก็ต จะได้รับการเปลี่ยนโฉมเป็น ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ และ ท็อปส์ เดลี่ ซึ่งร้านค้าทั้งหมดจะทำการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นเพื่อสร้างสีสันและเพิ่มความสนุกสนานต่อช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ และมอบความเพลิดเพลินในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น
มร.เอียน ไพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเพิ่มยอดขายของร้านค้าเป็นสองเท่า หรือมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้นภายในปี 2553 โดยกลยุทธ์ของเราคือ การเพิ่มจำนวนสาขาใหม่ รวมทั้งปรับปรุงและพัฒนาร้านค้าที่มีอยู่เดิม 45 สาขาให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันเราก็จะยังคงใช้นโยบายควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากร และกลยุทธ์ในการจัดวางสินค้าเพื่อนำเสนอสินค้าราคาที่น่าดึงดูดที่สุดในธุรกิจ”
ทั้งนี้ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล วางแผนที่จะลงทุนกว่า 750 ล้านบาท ในปี 2549 โดยจะทำการเปิดเซ็นทรัล เวิล์ด ฟู้ด ฮอลล์ ด้วยพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตรในเดือนสิงหาคมนี้ด้วยเงินลงทุนกว่า 350 ล้านบาท พร้อมทั้งจะเปิดร้านค้าใหม่อีก 15-20 สาขา
“บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการสร้างยอดขายให้ได้ประมาณ 15-20% โดยบริษัทฯ ได้วางแผนงานใหม่ๆ หลายอย่างในปีนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตและ ผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีที่สุดในประเทศไทย และจากความสำเร็จในการเปิดดำเนินการของ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ชิดลม ซึ่งนับว่าเป็นร้านค้าระดับโลกร้านหนึ่ง ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเราเป็นผู้ค้าปลีกด้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย และเราพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ค้าปลีกด้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก ภายในปี 2553” มร.ไพย์ กล่าวเสริม
สำหรับในปี 2549 นี้ นับเป็นปีที่สองในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด โดยเน้นย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ของท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต ในฐานะผู้นำค้าปลีกผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ ควบคู่ไปกับการขยายสาขา การตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านมิตรภาพการให้บริการ ในทำเลที่สะดวกสบายและทันสมัย
ส่วนสำคัญของกลยุทธ์ใหม่นี้คือ การเปิดตัว “ท็อปส์ เดลี่” ซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายต่อการแวะเวียนและเลือกซื้อสินค้า พร้อมทั้งยังจัดให้มีมุมสำหรับเลือกซื้ออาหารง่ายๆ สะดวกรวดเร็วในการปรุง โดยในเบื้องต้น บริษัทฯ จะทำการเปิดร้าน “ท็อปส์ เดลี่” ทั้งสิ้น 5 สาขา ภายในปี 2549 และอีกวางแผนจะเปิดอีก 15 สาขาภายในปี 2550
สำหรับเงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาทในการปรับโฉมใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จในผลการดำเนินงานที่มั่นคงและสามารถสร้างผลกำไรได้กว่า 500 ล้านบาทในปี 2548
“ในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งนับเป็นความสำเร็จในปีแรกหลังจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงาน บริษัทฯ มีการเติบโตในด้านยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด และผลกำไร ขณะเดียวกัน เรายังมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของทีมงานและลดอัตราการหมุนเวียนของพนักงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้นอีก 12% และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 6 % ด้วยโครงการประหยัดพลังงาน ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ความสำเร็จดังกล่าวยังมีปัจจัยมาจากการเปิดร้านค้าใหม่รวม 15 สาขาและปรับปรุงสาขาเดิมที่มีอยู่ของบริษัทถึง 2 ครั้ง และมีการนำเข้าสินค้าใหม่จากต่างประเทศจำนวนมากกว่า 3,000 รายการ ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 24% เมื่อเทียบกับยอดขายของปี 2547 ที่เพิ่มเพียง 14%” มร.ไพย์ กล่าว
ผลจากการเติบโตนี้ ทำให้ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล มีส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของยอดขายประเภทอาหารและเครื่องดื่มในซูเปอร์มาร์เก็ต-ไฮเปอร์มาร์เก็ต มากถึง 10.2% นอกจากนี้ หนึ่งในความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2548 คือ การเปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ของเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ชิดลม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของร้านค้าปลีกอาหารในประเทศไทย และได้รับการยอมรับว่าเป็นร้านค้าปลีกระดับโลก ด้วยจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 20% และยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 25% จำนวนลูกค้ามาจับจ่ายที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ชิดลมมีมากกว่า 40,000 คนต่อสัปดาห์
อีกทั้ง การเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ไวน์และยอดขายของสินค้าประเภทไวน์ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเติบโตครั้งนี้ โดย เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ได้คัดสรรรายชื่อไวน์ใหม่จำนวน 400 ชนิดที่สั่งนำเข้าโดยตรงจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายไวน์ให้เพิ่มมากขึ้น
“การทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรเจ้าของพื้นที่เช่าซึ่งให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ ด้วยดีตลอดมา หลายครั้งที่ทีมผู้บริหารระดับสูงได้เดินทางไปเยี่ยม ซัพพลายเออร์และพันธมิตรเจ้าของพื้นที่เช่าใน 73 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่ออธิบายถึง กลยุทธ์ของเราอันจะก่อให้ประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย และจากบทพิสูจน์จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เข้าไปจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่ท็อปส์ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เป็นผลให้ท็อปส์เป็นซูเปอร์มาเก็ตที่เป็นที่ต้องการของพันธมิตรเจ้าของพื้นที่เช่าต่างๆ หลายๆ ครั้งความสำเร็จของเรามาจากการได้พบปะพูดคุย เพราะเราอยากแสดงให้พวกเขาเห็นว่า เขามีความสำคัญกับธุรกิจของเรา และนี่จะเป็นวิธีที่ทำให้เกิดความเข้าใจ เพื่อเข้าถึงความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างดียิ่ง” มร. ไพย์ กล่าวเสริม
สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
การะเกด , กัลยาภัสร์
สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
โทรศัพท์ 0-2653-2717-9, 0-1620-3823
โทรสาร 0-2653-2720
Email: garagade@spark.co.th , kalayapas@spark.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ