กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--
หากเอ่ยถึงชื่อ ว.วชิรเมธี หลายคนอาจฟังคุ้นหู โดยเฉพาะหนอนหนังสือแนวธรรมะด้วยแล้ว รับรองว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ด้วยผลงานนิพนธ์ภาคภาษาไทยที่มีมากกว่า 50 เล่ม และโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศถูกแปลมาแล้วกว่า 3 ภาษา ทั้งอังกฤษ,อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ทำให้วันนี้สังคมไทยต้องจารึกเรื่องราวของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ไว้บนหน้าหนึ่งประวัติศาสตร์แห่งเส้นทางสายธรรมะเสียที ‘อิ๋งอิ๋ง-สิทธิณีสุธา กิตติสิทโธสกุล’ นับเป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่สนใจเรื่องธรรมะไม่น้อยหน้าคนอื่น จึงไม่รอช้าสั่งด่วนให้ทีมงานผลิตรายการ’ ‘ความดีคู่แผ่นดิน’ ติดต่อขอนมัสการเชิญพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี พระหนุ่มท่านนี้ มาออกรายการ ทันทีที่ทีมงานก้าวเข้าสู่พื้นที่ธรณีสงฆ์ของวัดเบญจมบพิตร ทุกคนรู้สึกได้ถึงความร่มเย็นและบรรยากาศแมกไม้ที่รายล้อมอยู่รอบบริเวณวัด ยิ่งได้มีโอกาสฟังท่าน ว.วชิรเมธี สนทนาธรรมกับ ‘อิ๋งอิ๋ง’ ด้วยแล้ว กลับรู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนเรานิดเดียวเอง
โดย ‘อิ๋งอิ๋ง’ ถ่ายทอดให้ฟังว่า..... “ จากการที่ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ ทำให้ทราบว่า เส้นทางชีวิตของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เหมือนถูกขีดไว้ว่าจะต้องเกิดมาเพื่อเส้นทางแห่งพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะตั้งแต่ในวัยเด็กก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นสุขใจที่ได้ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์กับแม่ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกรู้สึกกลัวการตักบาตรด้วยซ้ำไป ด้วยความที่แม่จะเปิดวิทยุฟังข่าวทุกๆเช้า ทำให้เด็กชายวุฒิชัย หรือพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ในวัยเด็กสามารถตอบคำถามอาจารย์ได้เสมอ และสนใจเรียนหนังสือเป็นอยากมาก จนเมื่ออายุได้ 13 ปี จึงขออนุญาตแม่บวชสามเณร ด้วยความที่รู้สึกว่า อยากมีชีวิตที่อิสระไม่เหมือนคนอื่น ที่เมื่อเรียนจบแล้วก็ต้องทำงาน และต้องเครียดกับชีวิต แต่ตนเองนั้นชอบอ่านหนังสือมากที่สุด สนใจอยากเรียนแบบอิสระด้วยตนเอง พระอาจารย์ เล่าให้อิ๋งฟังว่า ตอนนั้นคิดไม่ตก จึงลองนั่งหลับตา จนเกิดความรู้สึกได้ว่า ‘เราต้องมีอิสระเหนือสายลม ไม่อยู่ใต้ปีกของใคร และจะต้องพัดพาให้ผู้คนมีความสุข’ จึงตัดสินใจบวชเมื่อครั้งเรียนจบ ป.6 ทำให้อยู่บนเส้นทางในร่มกาสาวพัตร์ มาจนปัจจุบัน
นอกจากกิจของสงฆ์ที่พึงปฏิบัติแล้ว พระอาจารย์ยังปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษในสถาบันการศึกษาชั้นนำของรัฐและเอกชน และยังเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายธรรมนำภาวนาประจำรายการโทรทัศน์หลายรายการ ล่าสุดได้รับเกียรติคุณจากรัฐบาลและคณะสงฆ์ประเทศศรีลังกา มีมติถวายรางวัล The Dhama Putta Award (รางวัลยุวธรรมทูตผู้มีผลงานโดดเด่นในระดับโลก) และรับพระราชทานรางวัล “เสมาธรรมจักรทองคำ” สาขาการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในงานสัปดาห์วันวิสาข บูชา เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาหมาดๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีผลงานที่โดดเด่น สร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคงต้องยกให้ผลงานนิพนธ์ที่ชื่อ ‘ธรรมะติดปีก’ ที่อ่านเข้าใจง่าย สื่อความหมายของธรรมะ เข้าถึงกลุ่มคนได้ทุกเพศทุกวัย
นับว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เราในฐานะพุทธศาสนิกชน ที่ควรน้อมรับไว้ และหันมาใส่ใจในเรื่องราวของพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น ให้เป็นเสมือนหนึ่งกิจวัตรประจำวัน คือ “รู้จักการมีสติ ประคองตนในการดำเนินชีวิต บนพื้นฐานในความพอเพียง รู้จักการแบ่งปัน เสียสละบ้าง ก็จะรับรู้ได้ถึงความสุขที่แท้จริง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเราเลย ”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net