กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--บล.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ ( TCIF ) ระหว่างวันที่ 15-23 มีนาคม 2553 มูลค่า 1,960 ล้านบาท ลงทุนในโครงการอาคารเนชั่น ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ถนนบางนา — ตราด กิโลเมตรที่ 4+800 โดยกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 บาทและเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท โดยโครงการอาคารเนชั่น ทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินทั้งหมด 9 ไร่ 26 ตารางวา หรือ 3,626 ตารางวา เป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน 3 อาคาร และอาคารจอดรถ 1 อาคาร มีพื้นที่ใช้สอยรวม 110,518 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่ารวมสุทธิ 54,751 ตารางเมตร สามารถจอดรถในอาคารจอดรถยนต์ได้ประมาณ 817 คัน และที่จอดรถยนต์โดยรอบอาคารอีกประมาณ 105 คัน ในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วย เช่น ร้านค้าย่อย จำนวนกว่า 20 ร้าน ศูนย์อาหาร ห้องประชุม ศูนย์ออกกำลังกาย ซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำ สนามสคอช เซาวน่า พร้อมทั้งระบบสื่อสารที่ทันสมัย เช่น สายเคเบิลใยแก้ว หรือศูนย์บริการรับฝากข้อมูล (Data Center) เป็นต้น เพื่อให้บริการแก่ผู้เช่าในโครงการ โดยมีบริษัท ที.ซี.ซี. คอมเมอร์เชียล พร็อพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท ทีซีซี แลนด์ คอมเมอร์เชียล จำกัด จะเป็นผู้บริหารทรัพย์สินให้กับโครงการอาคารเนชั่น ทาวเวอร์
ณ สิ้นเดือน กันยายน 2552 อาคารโครงการเนชั่นทาวเวอร์ มีอัตราการเช่า 67.5% มีผู้เช่าประมาณ 64 ราย และมีสัดส่วนผู้เช่า 10 อันดับแรก คิดเป็นร้อย 46.60 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด โดยกลุ่มบริษัทในเครือเนชั่น เช่าพื้นที่ของโครงการคิดเป็นร้อยละ 17.54 ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า กองทุนนี้มีจุดเด่นที่กองทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ (Freehold) ในที่ดินและอาคาร ส่งผลให้ผู้ลงทุนมีส่วนของความเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งมีศักยภาพในการเจริญเติบโตในอนาคต เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิและนิคมอุตสหากรรมต่างๆในเขตภาคตะวันออก สามารถเข้าสู่ใจกลางธุรกิจการค้าของกรุงเทพมหานคร (CBD) ได้อย่างรวดเร็ว และผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ในอนาคต จากการเพิ่มของอัตราการเช่า ที่ในปัจจุบันอัตราถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดและศักยภาพของโครงการ นอกจากนี้ผู้ขายซึ่งจะเข้ามาถือหน่วยบางส่วน ในจำนวนไม่เกิน 1 ใน 3 ตามเกณฑ์ของสำนักงานกลต. ยังรับประกันกำไรจากการบริหารอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 3 ปีแรกให้อีกด้วย
ทั้งนี้ ตามข้อมูลทางการตลาดพบว่า การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานในเขตด้านนอกฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ ที่พักอาศัยในบริเวณนี้ ซึ่งมีตั้งแต่อพาร์ทเม้นต์ระดับล่างจนถึงบ้านเดี่ยวระดับบนบ่งชี้ให้เห็นถึงความหนาแน่นของผู้บริหารที่พักอาศัยในบริเวณนี้ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยในการส่งเสริมความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงาน ทั้งนี้ สถานีรถไฟฟ้าเชื่อมสุวรรณภูมิ (Airport Link) และโครงการศูนย์การค้าเมกกะ บางนา (Mega Bangna) ในเขตนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานในอนาคตเช่นกัน เมื่อมีการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ