กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
Results 2009 2008 เปลี่ยนแปลง
(ปรับใหม่)
รายได้ ล้านเหรียญฮ่องกง 66,978 86,563 -22.6%
ผลกำไร/(ผลขาดทุน)ของคาเธ่ย์ แปซิฟิค ล้านเหรียญฮ่องกง 4,694 (8,696) +13,390
กำไร/(ขาดทุน)ต่อหุ้น ล้านเหรียญฮ่องกง 119.3 (221.0) +340.3
เงินปันผลต่อหุ้น ล้านเหรียญฮ่องกง 10.0 3.0 +233.3%
คาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป แถลงผลกำไรประจำปี 2552 มูลค่า 4,694 ล้านเหรียญฮ่องกง เทียบกับผลขาดทุน 8,696 ล้านเหรียญฮ่องกงในปีก่อนหน้า รายได้ในปี 2552 ลดลงร้อยละ 22.6 อยู่ที่ 66,978 ล้านเหรียญฮ่องกง ในขณะที่กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 340.3 ทำให้หุ้นของบริษัทมีมูลค่า119.3 เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม หากยังไม่รวมกำไรที่ได้จากสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้ามูลค่า 2,758 ล้านเหรียญฮ่องกง บริษัทมีรายได้จากการขายหุ้น HAECO รวมมูลค่า 1,254 ล้านเหรียญฮ่องกง และมีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทสาขาและบริษัทในเครือของ คาเธ่ย์ แปซิฟิค รวมมูลค่า 285 ล้านเหรียญฮ่องกงจากการดำเนินธุรกิจหลักด้านการบิน เทียบกับผลขาดทุน 1,440 ล้านเหรียญฮ่องกงในปี 2551
ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้วเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของคาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป รวมถึงอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์โดยรวม แม้จำนวนผู้โดยสารและธุรกิจการขนส่งเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นให้เห็นในช่วงปลายปี 2552 แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจในตลาดสำคัญๆ ยังน่าเป็นห่วง ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจในตลาดเหล่านี้มีจำนวนลดลง
ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งแรกของปี ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงที่ราคาน้ำมันขึ้นสูงสุดในราวกลางปี 2551 อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันได้กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงกลางปี 2552 การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้ทำให้บริษัททำกำไรในปี 2552 ได้ 2,018 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งเป็นผลจากการทำสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้าระหว่างปี 2553-2554 ในทางกลับกัน ผลต่างส่วนนี้จัดอยู่ในผลขาดทุนของบริษัทสำหรับปี 2551
สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และดราก้อนแอร์ มีผู้โดยสารทั้งหมด 24.6 ล้านคนในปี 2552 ลดลงร้อยละ 1.6 จากปีก่อนหน้า และบริการที่ปรับลดลงร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับปี 2551 จึงช่วยเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย (Load Factor) ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 80.5 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับปี 2551 ในส่วนของรายได้จากการโดยสารนั้นลดลงร้อยละ 20.8 เหลือ 45,920 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารในชั้นธุรกิจที่ลดลง และรายได้เฉลี่ยจากผู้โดยสารในชั้นประหยัดที่ลดลงแม้จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนั้นค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ที่แข็งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกทำให้รายได้เฉลี่ยจากผู้โดยสารลดลงถึงร้อยละ 19.5
รายได้จากการขนส่งสินค้าของคาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป ลดลงร้อยละ 29.9 อยู่ที่ 17,255 ล้านเหรียญฮ่องกงในปี 2552 โดยปริมาณการขนส่งทางอากาศของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และดราก้อนแอร์ลดลง ร้อยละ 7.1 อยู่ที่ 1,527,948 ตัน ระวางของการบรรจุสินค้าลดลงร้อยละ 13.1 ทำให้ปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 70.8 (ในปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 65.9) แม้ธุรกิจขนส่งสินค้าของคาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป ในช่วงครึ่งแรกของปีต้องประสบกับภาวะที่ยากลำบาก แต่ในครึ่งหลังของปียังสามารถแสดงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น จนทำให้มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากธุรกิจการขนส่งในปี 2552 ยังลดลงร้อยละ 26.8 อยู่ที่ 1.86 เหรียญฮ่องกง
ในปีที่แล้ว ทางสายการบินฯ ได้ดำเนินหลายมาตรการเพื่อฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดบริการของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และดราก้อนแอร์ การลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการดำเนินการและการลงทุน การยื่นข้อเสนอแก่พนักงานในการหยุดงานโดยไม่ชดเชยเงินเดือน การจอดพักเครื่องบิน การเจรจาลดค่าบริการจากซัพพลายเออร์รายต่างๆ รวมทั้งการยืดระยะเวลารับมอบเครื่องบินจากผู้ผลิต และแม้ว่าในปี 2552 จะเป็นปีที่ยากลำบากมากสำหรับคาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป แต่บริษัทฯ ได้พยายามทุ่มเททำงานอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้มั่นใจว่า บริการที่มอบให้แก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการนั้น ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพเช่นเดิม
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี ยังเกิดการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญในส่วนของผู้ถือหุ้นคาเธ่ย์ แปซิฟิคอีกด้วย โดยที่ แอร์ ไชน่า และสไวร์ แปซิฟิค ต่างมีความเห็นตรงกันในการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยการเข้าซื้อหุ้นจาก ซิทิค แปซิฟิค โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 คาเธ่ย์ แปซิฟิค ได้ประกาศโครงสร้างและสัญญาอื่นๆ ที่ทำร่วมกับ แอร์ ไชน่า และรายอื่นๆ เพื่อจัดตั้งสายการบินเพื่อขนส่งสินค้าร่วมกัน ความร่วมมือในครั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงฤดูร้อนของปี 2553 นี้ ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการขออนุมัติจากฝ่ายกฎหมายและผู้ถือหุ้นของคาเธ่ย์ แปฟิค และแอร์ไชน่า การร่วมทุนครั้งนี้จะทำให้ภูมิภาคสำคัญสองแห่งของประเทศจีนกลายเป็นแหล่งขนส่งสินค้าที่สำคัญ ด้วยบริการขนส่งสินค้าที่ได้รับจากสองสายการบินที่มีประสิทธิภาพด้านการแข่งขันสูง คาเธ่ย์ แปซิฟิค ในดินแดนสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ปากแม่น้ำเพิร์ล และ แอร์ ไชน่า ในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
ในช่วงปี 2552 บัญชีงบดุลของคาเธ่ย์ แปซิฟิค กรุ๊ป อยู่ในสภาพที่ได้รับความกดดันมาก สืบเนื่องมาจากการลดลงของรายได้จากปี 2551 ซึ่งได้รับการชดเชยจากการลดค่าใช้จ่าย และการขายหุ้นบางส่วนของ Hong Kong Aircraft Engineering Company Limited ซึ่งส่งผลดีต่อบัญชีงบดุล
นายคริสโตเฟอร์ แพรทท์ ประธานของคาเธ่ย์ แปซิฟิค กล่าวว่า “แม้เราจะมีผลการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 แล้วก็ตาม เราก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไปอย่างระมัดระวังในปี 2553 เนื่องจากรายได้และผลตอบแทนที่ได้รับนั้นยังอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และอัตราการเพิ่มของผู้โดยสารในชั้นพรีเมี่ยมยังไม่คงที่นัก ซึ่งผู้โดยสารในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท”
คริสโตเฟอร์กล่าวเพิ่มว่า “เรายังมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการเพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่ช่วยต้นปี 2552 เราได้เปิดตัวโครงการไปแล้วหลายโครงการ รวมถึงแนวคิดริเริ่มใหม่ๆ ซึ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการดำเนินงานของเราให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการลูกค้า โดยเรามีทีมทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของคาเธ่ย์ แปซิฟิค รวมถึงเครือข่ายระดับโลกที่ยอดเยี่ยม และเครือข่ายที่แข็งแกร่งในประเทศจีนอย่างสายการบิน ดราก้อนแอร์ นอกจากนั้นความร่วมมือระหว่างเรากับแอร์ ไชน่า จะสร้างผลดีทางธุรกิจให้กับเราอย่างมากในปีต่อๆ ไปนับจากนี้ รวมถึงข้อได้เปรียบต่างๆ ที่ได้รับจากศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจของเราที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินระดับโลก กล่าวโดยสรุปแล้ว เรามีความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ และเรามีความมั่นใจอย่างสูงอีกด้วยต่ออนาคตของคาเธ่ย์ แปซิฟิค”
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
สายวรุณ ถิรนันท์รุ่งเรือง บริษัท ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย โทร: 0-2627-3501 ต่อ 213
The Cathay Pacific Website can be found at www.cathaypacific.com/TH