ผอมเพรียวสดใสแบบ Anti-Aging

ข่าวทั่วไป Tuesday March 16, 2010 13:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--ข้อมูลโดยนายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย ความ “แก่” เป็นสิ่งที่ทุกคนหวั่นวิตก เพราะหมายถึงความเสื่อมโทรมของร่างกายและผิวพรรณที่ดูร่วงโรย ขาดความสดชื่นสดใส และความยืดหยุ่นของผิว ริ้วรอยที่เพิ่มขึ้น เป็นตัวบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจใน “การชะลอวัย” (Anti-Aging) และให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองกันมากขึ้น นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ กล่าวว่าจริงๆ แล้ว “การชะลอวัย” หรือ Anti-Aging คือการป้องและชะลอความเสื่อมของร่างกายที่มิใช่แค่เพื่อความงามเท่านั้น แต่หมายถึงศาสตร์ที่เมื่อปฏิบัติแล้วจะทำให้ชีวิตเรามีสุขภาพที่ดี สดชื่น และแข็งแรงขึ้น โดยเริ่มจาการดำเนินชิวิตให้ถูกต้อง 1.การพักผ่อนนอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรเข้านอนตอนสี่ทุ่ม เพราะช่วงที่เราหลับจะเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและหลั่งฮอร์โมนแห่งความเป็นหนุ่มสาวออกมา 2.ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยหมุนเวียนเปลี่ยนชนิดไปเรื่อยๆ อย่ากินชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำซากเกินไป เพื่อให้ได้สารอาหารหลากหลายและเลี่ยงสารพิษสะสม 3.ควรรับประทานผักผลไม้ที่ไม่หวานมากนักให้ได้วันละประมาณ 5-7 อุ้งมือต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ อาทิ แอปเปิ้ล ฝรั่ง ผักใบเขียว ผักสีต่างๆ และควรรับประทานอาหารมื้อเช้าซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญ 4.ส่วนมื้อเย็นนั้นไม่ควรรับประทานหลังหนึ่งทุ่ม 5.ควรออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น ช่วยขับถ่ายของเสียออกมาพร้อมกับเหงื่อ ทำให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายสดชื่น จิตใจแจ่มใส และเมื่อเร็วๆ นี้สถาบันอเมริกันต้านการชะลอวัย A4M (The American Academy of Anti-Aging Medicine) ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าประเด็นที่กำลังเป็นที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จอย่างสูง คือ การใช้ “ศาสตร์ชะลอวัยเพื่อควบคุมน้ำหนัก" ซึ่งไม่เพียงแค่การเลือกรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายเท่านั้น แต่จะทำการทำการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุที่อยู่ลึกลงไปในระดับเซลล์ รวมถึงหาความผิดปกติของฮอร์โมน และมีการให้สารอาหารบางชนิด อาทิ กรดอะมิโน กรดไขมันบางชนิด แร่ธาตุบางประเภท ซึ่งช่วยให้กระบวนการเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเจาะเลือดตรวจว่าร่างกายเราแพ้สารอาหารใดก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนั้น เนื่องจากมีการพิสูจน์แล้วว่าร่างกายของคนเราจะต่อต้านสารอาหารบางอย่างโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เกิดอาการต่างๆ อาทิ โรคภูมิแพ้ ปวดศีรษะ หรือตัวบวม เมื่อหลีกเลี่ยงสารอาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้และให้สารอาหารทดแทนบางชนิดแล้วจะทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้ดีขึ้น ผลที่ได้คือ การลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดคงที่ ไม่มีปัญหาน้ำหนักเพิ่มหลังการรักษา ซึ่งจะส่งผลต่อผิวพรรณภายนอกที่ดูสดใส แต่สิ่งที่เราควรให้สำคัญไม่แพ้ร่างกาย คือ “จิตใจ” ที่ต้องรู้จักปล่อยวางปัญหา มองโลกในแง่บวกและมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้สาวๆ ก็สวยใสทั้ง “ภายใน” และ “ภายนอก” อย่างมั่นใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ