กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทมีกองทุนเปิดจำหน่ายทั้งกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 3 (KTFF3 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึง 23 มีนาคม 2553 อายุโครงการ 1ปี 9 เดือน มูลค่า 700 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.55% ต่อปี และกองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 12M3 ( KTF12M3 ) เสนอขายตั้งแต่วันที่ 15-22 มีนาคม 2553 อายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 1,500 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณการที่ 1.80%ต่อปี
ทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 100% เครดิตเรตติ้งที่ AA โดยฟิทซ์ และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของประเทศเกาหลีใต้มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม คือ 2.00% โดยไม่มีการกล่าวถึงโอกาสที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งนับว่าผิดความคาดหมายของนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่คาดว่าเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเอเชีย จึงทำให้มีกระแสเงินกลับเข้าไปลงทุนในตัวพันธบัตรเกาหลีใต้ อีกทั้งเม็ดเงินบางส่วนยังมาจากการ Short Covering ของนักเก็งกำไร ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนสามารถลงทุนเพื่อล็อกผลตอบแทนไว้
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ บริษัทสามารถจำหน่ายได้เต็มมูลค่าโครงการ ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากนักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าการลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในพันบัตรภาครัฐไทย ที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยสูงกว่าประมาณ 0.80%ต่อปี หลังหักค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดให้มีการซื้อขายกองทุนรอบใหม่ ( Roll over ) สำหรับกองทุนปเดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3 ) อายุโครงการ 3 เดือน โดยกองทุนจะลงทุนใน พันธบัตรภาครัฐในประเทศ 8% เงินฝากธนาคารธนชาต 24% ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 20% หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด( AA+) 24% และตั๋วแลกเงินของบจ.น้ำตาลมิตรผล 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 0.95% ต่อปี และไม่เสียภาษี