กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมกับสำนักงานก.ล.ต ผลักดันบริษัทไทยที่ตั้งในต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อเพิ่มมาร์เก็ต แคป และทางเลือกสำหรับผู้ลงทุน ด้านธปท.เปิดช่องให้บริษัทร่วมทุนต่างชาติ (Joint Venture) ระดมทุนในไทยในวงเงินขั้นต้น 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2550-2552) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือการมุ่งพัฒนาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตลาดรองที่ครบวงจรมีสินค้าครบถ้วน หลากหลาย และมีคุณภาพ (Integrated market) เพื่อที่จะเป็นตลาดหลักทรัพย์สำคัญของภูมิภาค ดังนั้นการเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนควบ 2 ตลาด หรือ Dual Listing ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเป็นรายแรกในตลาดทุนไทยในเดือนมิถุนายนนี้ นับเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยเพิ่มจำนวนสินค้าคุณภาพ และความน่าสนใจให้ตลาดทุนไทย
“ในขั้นตอนต่อไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเร่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดทุนไทย โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ผลักดันให้บริษัทของคนไทย ที่ไปประกอบธุรกิจในต่างประเทศ สามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทย โดยขณะนี้ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาปรับเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวก และลดอุปสรรคในการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยถือว่าแนวทางดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนไทยในระยะยาว และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดหุ้นทั้งภูมิภาคและระดับสากล” นางภัทรียากล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อนุญาตให้บริษัทร่วมทุนไทยในต่างประเทศ ( Joint Venture ) สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อระดมเงินทุนในประเทศไทยได้ในวงเงินขั้นต้น 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัวและเปิดโอกาสให้มีการระดมทุนจากบริษัทร่วมทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นด้วย
กรรมการและผู้จัดการกล่าวต่อว่า “การสนับสนุนให้ธุรกิจไทยในต่างประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย นับเป็นโอกาสดีที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ พร้อม ๆ กับสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้คนไทยได้เป็นเจ้าของกิจการที่มีศักยภาพ และมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทั้งสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และขยายฐานผู้ลงทุนใน ตลาดทุนไทยให้เพิ่มมากขึ้น”
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229—2036/ ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229—2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797