กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท 2
นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท2 เปิดเผยว่า “ การคิดเลขในใจช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมเนื่องจากทำให้สมองได้ออกกำลังและเพิ่มการสื่อสัญญาณประสาทในสมอง ”
งานวิจัยในปัจจุบันพบว่า เซลล์ประสาทจะถูกผลิตสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ แต่จะเสื่อมสภาพลงถ้าไม่มีการใช้งาน ถ้าเราทำกิจกรรมใดๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นถูกกระตุ้นบ่อยๆ ทำให้เซลล์สมองส่วนนั้นแข็งแรง และไม่เสื่อมสภาพลงไปง่ายๆ
สถิติโรคผู้ป่วยสมองเสื่อม
โรคสมองเสื่อมอาจเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการแต่คาดว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 200,000 — 300,000 คน มีงานวิจัยในประเทศตะวันตกพบว่า คนอายุ 65 ปีป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 1 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุกๆ 5 ปีที่อายุเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไปพบว่าป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 32 เปอร์เซ็นต์
ผู้ป่วยสมองเสื่อมมีอาการเป็นอย่างไร ?
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะสูญเสียเซลล์ประสาทเร็วกว่าปกติในระดับที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องความจำ การควบคุมอารมณ์ ไม่สามารถแยกถูกผิด ความฉลาด และการสั่งงานของสมอง เช่น การเปิดแก๊ซหุงต้มทิ้งไว้เพราะลืม หรือเห็นแก๊ซเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ปิด เพราะนึกไม่ออกว่าจะปิดอย่างไร และไม่คิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ฯลฯ
คนเรามีเซลล์สมองอยู่เท่าไร ?
ในคนปกติจะมีเซลล์สมองอยู่กว่า 1 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งแต่ละเซลล์อาจเชื่อมโยงกับเซลล์ประสาทอื่นๆ อีกประมาณ 80,000 — 100,000 เซลล์ ??
คิดเลขในใจกระตุ้นการออกกำลังกายของสมอง
การคิดเลขในใจทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง จะกระตุ้นให้เกิดการออกกำลังกายของสมอง ?( Brain Exercise ) กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่นๆเพิ่มเส้นใยประสาทของเซลล์ประสาท ( Neurons ) ให้มีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และยังอาจเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ประสาทให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมเรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าสูงอายุคิดค่าอาหาร และเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ฝึกคิดเลขในใจ
คิดค่าของที่ซื้อเวลาไปจ่ายตลาดคิดเงินทอน คิดค่าอาหาร และเงินทอนเวลาไปทานข้าวนอกบ้าน คิดรายรับในแต่ละเดือน คิดค่าใช้จ่ายในบ้าน คิดตัวเลขรายรับ รายจ่ายเงินในบัญชีธนาคารแทนการกดเครื่องคิดเลข ฯลฯ ซึ่งต้องใช้ทั้งการบวก ลบตัวเลย และคูณ หารในบางครั้ง ช่วงแรกควรเริ่มจากเลข 2 หลักก่อนโดยไม่ต้องใช้นิ้วมือมาช่วยนับ หลังจากนั้นค่อยเพิ่มจำนวน เมื่อเริ่มคล่องขึ้นแล้วจึงเริ่มลบตัวเลขแบบง่าย ๆ
การคูณควรเริ่มจากการคูณเลขง่าย ๆ จากเลข 1 — 12 ก่อน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
วรรณภา ประจงศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด
โทร. 0-2769-2000 ต่อ 5302, 5303
doubleimpact_w@yahoo.com