เจ้าของธุรกิจไทยครองเครียดต่ำอันดับสองในเอเชีย จีนเครียดสูงสุด

ข่าวทั่วไป Monday March 22, 2010 15:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--แกรนท์ ธอร์นตัน กว่าครึ่งของจำนวนเจ้าของกิจการ (Privately Held businesses: PHBs) ทั่วโลก (56%) รู้สึกว่าระดับความเครียดได้เพิ่มสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยรายงานผลการสำรวจธุรกิจนานาชาติที่จัดทำโดยแกรนท์ ธอร์นตัน ปี 2010 หรือ Grant Thornton International Business Report (IBR) 2010 ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของเจ้าของธุรกิจ 7,400 รายในกลุ่มเศรษฐกิจ 36 กลุ่ม และรายงานว่าประเทศจีนมีจำนวนเจ้าของกิจการที่มีความเครียดมากเป็นอันดับหนึ่ง (ภาพประกอบ 1) ด้วย 76% ของเจ้าของกิจการที่กล่าวว่าระดับความเครียดได้เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา กลุ่มเศรษฐกิจอื่นที่มีจำนวนเจ้าของกิจการที่มีความเครียดอยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่เม็กซิโก (74%), ตุรกี (72%), เวียดนาม (72%) และกรีซ (68%) ในขณะที่สวีเดน (23%), เดนมาร์ค(25%), ฟินแลนด์ (33%) และออสเตรเลีย (35%) กลับมีระดับความเครียดต่ำที่สุดในโลก โดยรวมแล้ว เจ้าของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีความตึงเครียดสูงที่สุดในปี 2010 โดย 65% ระบุว่าระดับความตึงเครียดได้สูงขึ้นหรือสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบ กับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เจ้าของธุรกิจในประเทศไทยมีความเครียดน้อยที่สุดเป็นอันดับที่สองในเอเชีย ซึ่งมีเพียงแค่ 40% ที่รู้สึกว่าระดับความเครียดสูงขึ้น เอียน แพสโค กรรมการบริหาร แกรนท์ ธอร์นตัน ประเทศไทย กล่าวว่า "โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจในประเทศไทยมีระดับการเป็นหนี้ต่ำกว่ากลุ่มประเทศเศรษฐกิจอื่นอย่างมาก ซึ่งเมื่อผนวกกับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่กว่า 3% แล้ว น่าจะเป็นสาเหตุที่เจ้าของธุรกิจชาวไทยมีการเพิ่มขึ้นของระดับความตึงเครียดที่น้อยลง" ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างระดับความเครียดและ GDP ปรากฏขึ้น เนื่องจากเจ้าของกิจการในจีน เวียดนาม เม็กซิโก อินเดีย และตุรกี ล้วนมีความเครียดสูงและดำเนินกิจการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีความคาดหวังต่อการเติบโตของธุรกิจในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่ในประเทศที่มีความคาดหวังต่อการเติบโตในระดับสูงเท่านั้นที่มีระดับความเครียดสูง เพราะอีกด้านหนึ่งของอัตราการเติบโตนั้น ไอร์แลนด์ สเปน และกรีซ ล้วนมีความเครียดสูงเช่นกัน อเล็กซ์ แมคบีธ ผู้บริหารระดับสูง ของแกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า "ธุรกิจที่อยู่ทั้งสองด้านของการเติบโตของ GDP กำลังประสบกับความตึงเครียดด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยในจีน มีแรงกดดันให้สามารถก้าวตามการขยายตัวได้ทัน ในขณะที่ ยกตัวอย่างเช่น ไอร์แลนด์ ที่เศรษฐกิจกำลังหดตัว ทำให้เจ้าของธุรกิจกังวลว่าจะทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างไร" เจ้าของกิจการได้รับการสอบถามเกี่ยวกับสาเหตุหลักของความเครียดในที่ทำงาน และไม่น่าแปลกใจว่าสาเหตุที่พบมากที่สุดสำหรับปี 2009 เกิดจากบรรยากาศของเศรษฐกิจ โดย 38% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจทั่วโลกได้เลือกข้อนี้ให้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความเครียด ตามด้วยความกดดันด้านกระแสเงินสด (26%), กิจกรรมของคู่แข่ง (21%) และงานหนัก (19%) ซึ่งอเล็กซ์ แมคบีธ ให้ความคิดเห็นว่า "สาเหตุต่างๆ ของความตึงเครียดในที่ทำงานสามารถแบ่งออกได้เป็นสามประเภทหลักๆ ได้แก่ เศรษฐกิจ ธุรกิจ และส่วนบุคคล โดยที่เจ้าของธุรกิจได้รับความกดดันจากทุกด้าน เพราะในขณะที่พนักงานอาจให้ความสำคัญต่อองค์ประกอบที่มีผลต่อตัวเอง เช่น ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานนั้น เจ้าของกิจการกลับมีแรงกดดันอื่นๆ มากกว่าให้ต้องคิดถึง” นอกจากนี้ การสำรวจดังกล่าวยังพบความเชื่อมโยงระหว่างระดับความตึงเครียดและจำนวนวันที่ลาหยุดในปีหนึ่งๆ (ภาพประกอบ 2) โดยประเทศที่มีความตึงเครียดสูงคือประเทศที่โดยเฉลี่ยแล้วเจ้าของธุรกิจลาหยุดน้อยกว่าในแต่ละปี ยกตัวอย่างเช่นเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับที่สามของประเทศที่มีความตึงเครียด (72% ของเจ้าของกิจการรายงานถึงระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นในปี 2009) และอยู่ในอันดับท้ายสุดของประเทศที่มีจำนวนวันลาหยุดน้อยที่สุด โดยเจ้าของธุรกิจโดยเฉลี่ยแล้วลาหยุดเพียง 7 วันในหนึ่งปี และจีนและเม็กซิโกยังมีผลการสำรวจที่คล้ายคลึงกัน ในทางกลับกัน เจ้าของกิจการในยุโรปตอนเหนือ (เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เดนมาร์ค และฟินแลนด์) อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีจำนวนวันลาหยุดมากที่สุดในปีหนึ่งๆ (ระหว่าง 22 - 24 วัน) และอยู่ในอับดับต่ำสุดของประเทศที่มีความตึงเครียด อเล็กซ์ แมคบีธ กล่าวว่า "เจ้าของธุรกิจที่สามารถลาหยุดได้มากกว่าจะมีความตึงเครียดน้อยกว่าผู้ที่อยู่ในประเทศที่มีจำนวนวันลาหยุดน้อยกว่า ซึ่งประสบการณ์ของแกรนท์ ธอร์นตัน ในการทำงานร่วมกับเจ้าของธุรกิจเอกชน (PHBs) ทั่วโลกแสดงให้เราเห็นว่าการใช้เวลาถอยห่างจากการทำงานเพื่อให้เวลาในการพิจารณาและเติมพลังจะช่วยให้เจ้าของกิจการนำมุมมองใหม่ๆ มาใช้ในการตัดสินใจ” เกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย: แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจในฐานะบริษัทที่ปรึกษาและให้บริการอย่างมืออาชีพระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี พ.ศ. 2540 โดยใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ การลดค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงแผนธุรกิจ กลุ่มงานให้บริการของแกรนท์ ธอร์นตัน ได้แก่ - การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ - การตรวจสอบบัญชี - การให้คำปรึกษาทางภาษี - การให้บริการปรึกษาเฉพาะทาง - การจัดหาบุคลากรระดับผู้บริหาร ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ: มร. เอียน แพสโค กรรมการบริหาร แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย โทร: 02 205 8222 อีเมล์: ian.pascoe@gt-thai.com คุณลักษณ์พิไล วรทรัพย์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย โทร: 02 205 8142 อีเมล์:
แท็ก เอเชีย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ