ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มความแข็งแกร่งสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโต ตั้งสำรองฯเพิ่ม เตรียมรับธุรกิจโตขั้นต่อไป

ข่าวทั่วไป Friday July 20, 2007 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนวันนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ถึงความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปี 2550 ซึ่งตั้งเป้าสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่ง รวมถึงทำการทบทวนคุณภาพหนี้ เพื่อเตรียมพร้อมในการรุกขยายธุรกิจในระยะต่อไป
ผลการดำเนินงานของธนาคารในงวดครึ่งปีแรก ธนาคารมีกำไรก่อนหักสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 3,900 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 11,500 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเงินสำรองฯ ที่ต้องตั้ง ตามเกณฑ์ IAS39 จึงส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคารในรอบหกเดือนแรกของปี 2550 มีผลขาดทุนสุทธิ 7,600 ล้านบาท
นาย ตัน คอง คูน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “ปีนี้เป็น ปีที่ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเร่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อพร้อมรองรับการเติบโต ในอนาคต โดยเป้าหมายนี้รวมถึงการจัดการเรื่องหนี้ด้อยคุณภาพและการทำให้งบดุลของธนาคารเข้มแข็งขึ้น เพื่อให้ธนาคารสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน จึงตัดสินใจตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ครบทั้งจำนวนตามเกณฑ์ IAS 39 เลยทันทีก่อนจะถึงเวลาที่กำหนด และนอกจากเรื่องนี้แล้ว ธนาคารก็ได้ลงทุนเพิ่มในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มการฝึกอบรมพนักงาน ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้กระชับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล”
นาย ตัน กล่าวต่อว่า ธนาคาร พอใจกับความคืบหน้าในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร เพราะความ ทุ่มเทในเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้ธนาคารสามารถเติบโตในปีต่อ ๆ ไปได้อย่างคล่องตัวและอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะใน ธุรกิจการเงินเพื่อลูกค้าบุคคล และนอกเหนือจากการดำเนินการเพื่อรากฐานที่แข็งแกร่งแล้ว ในไตรมาสนี้ ธนาคารยังประสบความสำเร็จ สามารถทำตามเป้าหมายธุรกิจได้อีกหลายเรื่อง อาทิ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านบริการทางการเงินเพื่อลูกค้าบุคคล เช่น บริการ “บัตรไม่ต้อง เพื่อรับเงินโอน” หรือ ‘Cardless ATM remittance’ สินเชื่อบุคคล “กรุงศรี เพอร์เซอร์นัลโลน” และสินเชื่อรถยนต์ ที่ให้บริการผ่านบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ลีส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือของธนาคาร
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 645,000 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อ 422,000 ล้านบาท และเงินฝาก 527,000 ล้านบาท และ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2550 ฐานะเงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการที่จีอีได้ เพิ่มการลงทุนในธนาคารฯ กอปรกับมีนักลงทุนบางส่วนได้แปลงใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 19.2% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 14.6%
นาย ตัน กล่าวสรุปว่า “เราจะเดินหน้าไปตามแผนที่เราวางไว้แต่ละขั้น ผมมั่นใจว่าเราจะทำได้ตามเป้าหมายที่ วางไว้ และเชื่อว่าธนาคารจะก้าวไปถึงจุดมุ่งหมายระยะยาวในการที่จะเป็นธนาคารที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในประเทศไทย”
ทั้งนี้ จีอี มันนี่ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารเป็น 31% (หลังใบสำคัญแสดงสิทธิแปลงสภาพเต็มจำนวนแล้ว) ถือเป็นการยืนยันถึงความตั้งใจจริงของจีอี มันนี่ และยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแผนงานของธนาคารและโอกาสในการเติบโตในประเทศไทยด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2483 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร แก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขากว่า 560 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยจีอี มันนี่เข้าถือหุ้นของธนาคารในสัดส่วน 25.4 % (หลังการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิของธนาคาร) และเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 จีอี มันนี่ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธนาคารเป็นร้อยละ 31 (หลังใบสำคัญแสดงสิทธิแปลงสภาพเต็มจำนวนแล้ว) โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ จีอี มันนี่ เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
พงษ์พันธุ์ ศิลปพิบูลย์
ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์
โทร. 0-2296-4025

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ