บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศตั้งเป้ารั้งอันดับ 1 ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พร้อมขยาย AUM รวมปี 53 โต 20%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 23, 2010 16:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--PRdd นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2553 ว่า บริษัทตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจกองทุนรวมเช่นเดิม รวมทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย โดยมีเป้าหมายการขยายตัวของสินทรัพย์รวม (Asset Under Management) หรือ AUM อยู่ที่ 20% จากสิ้นปี 2552 ที่มี AUM รวมประมาณ 495,000 ล้านบาท “แผนงานในปีนี้การขายผ่านสาขาจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฐานลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ปัจจุบันมีรายได้มาจากสาขาถึง 92% นอกจากนี้นโยบายในการเพิ่มรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการขยายฐานลูกค้านอกเหนือลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์ ด้วยการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนขายหรือ Selling Agent ลูกค้ากลุ่ม Private Wealth ลูกค้านิติบุคคล สถาบัน และกลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางอิเล็คทรอนิคส์ (E-Channel) พร้อมพัฒนาบริการต่างๆในช่องทางดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น” นางโชติกากล่าว นางโชติกา กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงาน จะยึดแนวคิดการทำงานแบบไปด้วยกันกับธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยการประสานงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีเงินลงทุนสูง (High net worth) ซึ่งธนาคารจะมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่ลูกค้าจะรับได้ และบลจ.จะมีทีมงานทำหน้าที่จัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละราย พร้อมกันนี้ก็จะขยายฐานกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ปัจจุบันมีอยู่ 400,000 ราย ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนรวมแบบสำเร็จรูปที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคน เพื่อให้เกิดความชัดเจนและง่ายต่อการตัดสินใจลงทุนแต่คงนโยบายให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ในส่วนของนโยบายการออกกองทุนจะเน้นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่จะนำเสนอกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้นเพื่อล็อคผลตอบแทน โดยจะยังผสมผสานกับกองทุนระยะสั้น ระยะกลางที่ออกมาต่อเนื่องเพื่อความหลากหลาย ส่วนแผนเพิ่มทุนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNRF) เพื่อลงทุนในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่แอร์พอร์ต คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงประมาณไตรมาส 2 รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้มีการออมระยะยาว นางโชติกา กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นไปตามแผนคือการเพิ่มศักยภาพของทีมงานบุคลากรให้สอดคล้องความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงการพัฒนาระบบการทำงานเพื่อรองรับ ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างสมบูรณ์และพร้อมแล้วสำหรับการเติบโต ด้วยโครงสร้างองค์กรใหม่ที่แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย กลุ่มจัดการลงทุน กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน กลุ่มผลิตภัณฑ์การลงทุน กลุ่มธุรกิจเครือข่ายธนาคาร กลุ่มธุรกิจลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย กลุ่มกลยุทธ์และวางแผน และกลุ่มปฏิบัติการกองทุน “การจัดโครงสร้างองค์กรให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกเหนือจากการบริหารจัดการที่ดีแล้ว ยังต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการทำงานเป็นทีมเวิร์ค มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ และ มีคุณธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จ และที่สำคัญคือต้องมีหัวใจของการบริการ” นางโชติกา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ