กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--MMM Digital
8 เมษายน 2010 ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
เมื่อ ชอว์น เลวี่ (Shawn Levy) เจ้าแห่งผลงานแนวแอ็คชั่น/ตลกเฮฮา ที่เคยสร้างภาพยนตร์ทำรายได้มหาศาลอย่าง Night at the Museum ทั้ง 2 ภาค ร่วมงานกับดาวตลกระดับโลกผู้ความสามารถมากสองคนคือ สตีฟ คาเรล (Steve Carell จาก The 40 Year Old Virgin และ The Office) กับทิน่า เฟย์ (Tina Fey จาก Baby Mama, 30 Rock, และ SNL) ใน DATE NIGHT ภาพยนตร์ผจญภัยที่พลิกคู่รักบ้าน ๆ ที่ขยันออกเดทแก้เซ็งไปอาทิตย์หนึ่ง ๆ ให้ได้หัวหกก้นขวิดกันจ้าละหวั่นจนแทบเอาชีวิตไม่รอด
ฟิล (Phil รับบทโดย คาเรล) กับแคลร์ ฟอสเตอร์ (Claire Foster รับบทโดย เฟย์) เป็นคู่สามี-ภรรยาที่รักกัน ๆ และยังเข้าอดเข้าใจกัน แม้จะมีลูกแล้วสองคนและอาศัยอยู่ในย่านชานเมืองนิวเจอร์ซี่ (New Jersey) ครอบครัวฟอสเตอร์วางแผนออกเดทกันทุกสัปดาห์ ด้วยความคาดหวังว่า จะช่วยจุดประกายชีวิตรักที่เคยหวานชื่นในอดีตให้กลับมาสดใสอยู่เนือง ๆ แต่กิจกรรมหวังทำกันให้สนุกกลับขลุกอยู่แต่ที่ทีเน็ค ทาเวิร์น (Teaneck Tavern) ร้านอาหารใกล้บ้านเดิม ๆ ทุกอาทิตย์ เรื่องราวที่คุยกันก็ออกรสไม่เท่าไหร่กลับมาเป็นประเด็นซ้ำ ๆ ไม่ต่างจากที่คุยกันตอนกินข้าวที่บ้าน ต่างคนก็ต่างเหนื่อยจากหน้าที่การงาน ไหนจะต้องดูแลลูก ๆ ทั้งคู่อีก กิจกรรมออกเดทของคู่นี้แทนที่จะเป็นโหมโรงให้ทุกอาทิตย์ครึกครื้น กลายเป็นคว้าน้ำเหลว เรื่องที่จะโรแมนติคกระหนุงกระหนิงกันต่อนี่อย่าหวังเสียให้ยาก หลังจากเพื่อนซี้ของทั้งคู่ ซึ่งก็เป็นพ่อบ้าน-แม่บ้านที่เลี้ยงลูก ๆ อยู่ในย่านชานเมืองนิว เจอร์ซี่ (New Jersey) เช่นกัน ตัดสินใจแยกทางเลิกร้างกันไป ฟิลกับแคลร์ก็เริ่มหวั่นใจยิ่งขึ้นว่า ชีวิตสมรสที่นับวันความรักจะยิ่งจืดจาง ไม่กระดี้กระด้าเหมือนแรกพบกันใหม่ ๆ จะนำไปสู่ การแยกทางหย่าร้างกัน ในที่สุด
ความพยายามที่จะสร้างสีสันให้กับคืนออกเดทของทั้งคู่ไม่ซ้ำซากจำเจ แถมยังหวังต่อยอดไปอีกด้วยซ้ำว่า จะช่วยชูรักชูรสให้ชีวิตคู่ ฟิลตัดสินใจเปลี่ยนแผนที่เคยทำร่วมกันมาทุก ๆ สัปดาห์ ด้วยการย้ายสถานที่พาแคลร์ไปยังภัตตาคารแห่งใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมสุด ๆ ในแมนฮัตตั้น (Manhattan) แทน สามี-ภรรยาตระกูลฟอสเตอร์ (The Fosters) ไม่ได้จองโต๊ะไว้ล่วงหน้า แต่ก็ยังหวังว่า จะเข้าไปใช้บริการก่อนเที่ยงคืนให้ได้ เอาเป็นว่า ถ้าใครลงชื่อจองไว้แล้วไม่มาแสดงตัว คู่นี้จะขอเสียบแทน มันจะเดือดร้อนอะไรใครนักหนาเชียว บัดนี้ลูกค้าในร้านหรูละม้ายฟิลกับแคลร์ จึงใช้ชื่อ คุณและคุณนายตระกูลทริปเปิ้ลฮอร์น (The Tripplehorns)
ซึ่งคุณและคุณนายตระกูลทริปเปิ้ลฮอร์น (The Tripplehorns) ตัวจริงนี่เป็นคู่รักนักโจรกรรมที่กำลังถูกตำรวจขี้ฉ้อคู่หนึ่งตามล่าหวังฮุบทรัพย์สินที่ปล้นขโมยมาจากผู้ทรงอิทธิพลสุดอันตรายกลุ่มหนึ่ง ยังกินข้าวไม่ทันอิ่มท้อง ฟิลกับแคลร์ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน กว่าจะตระหนักว่าแผนการออกเดทแบบพ่อ-แม่สุดบ้าน ๆ กลับกลายเป็นเรื่องราวสลับสับสนอลหม่านที่ส่งให้ทั้งคู่ต้องผจญภัยฝ่าอันตรายสุดขั้วหลากรูปแบบ ซึ่งทั้งคู่จะต้องพยายามรักษาชีวิตของตัวเอง ....และชีวิตสมรสให้รอด
กิจกรรมมื้อเย็น “ออกเดท” นี่น่าจะเป็นกิจกรรมที่สามี-ภรรยาหลาย ๆ คู่ทำเหมือน ๆ กัน ซึ่งก็รวมถึงผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังหลาย ๆ เรื่องด้วย “ตอนนั้นผมกำลังอยู่ระหว่างสร้าง Night at the Museum ภาคสอง” ชอว์น เลวี่ (Shawn Levy) เล่า “เราออกเดทกันอาทิตย์ละครั้ง โดยผมจะพาภรรยาไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
มีอยู่อาทิตย์หนึ่งที่สามี-ภรรยาตระกูลเลวี่ (The Levys) ก็นั่งที่ร้านประจำ, สั่งอาหารเมนูเดิม ๆ, คุยกันเรื่องลูก ๆ, สนทนากันเรื่องภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสุดสัปดาห์นั้น, แบ่งหน้าที่กันว่าใครจะเป็นคนซื้อของขวัญสำหรับไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิด และประเด็นปลีกย่อยต่าง ๆ นานา “แล้วจู่ ๆ ผมก็เอ่ยกับภรรยาว่า ถ้ามีหนังที่สร้างจาก คืนวันออกเดทแบบเรา แล้วพลิกผันกลายเป็นกิจกรรมเลยเถิดไปเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็น่าจะดีนะ ทั้งคู่จะต้องผ่านกิจกรรมสารพัดรูปแบบที่เสี่ยงชีวิต และอาจจะทำลายชีวิตสมรสด้วยซ้ำไป แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ตามที หนังจะต้องสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการออกเดทที่คู่สามี-ภรรยาตั้งใจทำร่วมกันเป็นกิจวัตรตั้งแต่แรกไว้ให้ได้ด้วยไง”
เช้าวันถัดมา เลวี่ก็แจ้งให้เพื่อนร่วมงานที่บริษัทสร้างภาพยนตร์ของเขาว่า “เอาล่ะ เราจะสร้างหนังเรื่อง DATE NIGHT กัน เรื่องราวก็มีแค่นี้แหละ ไปเรียกคนเขียนบทมาจัดการได้เลย เร็วเข้า”
การเฟ้นหาผู้เขียนบทภาพยนตร์ของเลวี่ก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ “ผมเคยเขียนบทหนังสั้น ๆ เรื่อง (Saint) Peter ที่ชอว์นอ่านแล้วปลื้มสุด ๆ” จอช เคล้าสเนอร์ (Josh Klausner) ผู้เขียนบทภาพยนตร์เล่า “ชอว์นอยากสร้างหนังสักเรื่องที่จะทำให้เราได้ร่วมงานกัสัดทีมานานแล้ว นี่เลยเป็นโอกาสดีมาก ๆ แล้วเราก็สุมหัวคิดกันแทบจะทันทีเลย”
“เราคุยกันเรื่องชีวิตสมรสของเรานี่แหละ” เลวี่กล่าว “แล้วก็ค้นพบว่า ทุกคู่ก็เหมือน ๆ กันตรงที่พยายามจะประคับประคองความสัมพันธ์แสนโรแมนติคไว้ให้ยั่งยืนยาวนานที่สุด แล้วก็ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมชายคาเดียวกัน ซึ่งพอเดดินทางร่วมกันมาเกือบครึ่งชีวิตนี่ มันก็เป็นประเด็นได้เหมือนกันว่า จะทำยังไงให้ชีวิตรักยังสดใสซาบซ่าเหมือนช่วงที่เพิ่งเริ่มคบหากันใหม่ ๆ”
ภาพยนตร์เรื่อง DATE NIGHT เริ่มจากแนวคิดที่จะหยิบวิถีชีวิตของผู้ปกครองที่เข้าร่วมประชุมกับครูที่โรงเรียนของลูก ๆ แล้วเกิดผิดฝาผิดตัวจับพลัดจับผลูให้เข้าไปเกี่ยวพันกับ “เรื่องราววุ่น ๆ แบบ ‘North by Northwest’” เข้าเต็ม ๆ เลวี่นิยามว่า “มันเป็นหนังแอ็คชั่นเฮฮาแบบที่ผมจำได้ขึ้นใจ แนว Beverly Hills Cop หรือ 48 Hrs.แต่ DATE NIGHT นี่จะผสมผสานเข้ากัรนอย่างกลมกลืนลงตัวสุด ๆ ไม่ใช่แค่แอ็คชั่นมาเต็ม แต่ยังได้ใจแบบอบอุ่นฮาตรึม เพราะนี่คือผู้คนที่พยายามประคับประคองความสัมพันธ์ทั้งหลายในชีวิตให้ไปรอดไง”
ยิ่งพอเลวี่รู้ว่า สตีฟ คาเรล (Steve Carell Steve Carell) กับทิน่า เฟย์ (Tina Fey) กำลังมองหาโอกาสที่จะได้ร่วมงานกัน เขาจึงมั่นใจว่า ทั้งคู่นี่แหละที่จะมาเป็นสามี-ภรรยาใน DATE NIGHT “เราส่งบทต้นฉบับแรก ๆ ไปให้ทิน่ากับสตีฟ ซึ่งเป็นคู่ที่ผมคิดมาตลอดว่าจะเข้าขากันได้ดีในหนังแนวคู่ผัวตัวเมียแบบนี้” เลวี่กล่าว “ซึ่งพวกเขาก็ตอบกลับมาว่า เราชอบบทนะ อยากเล่นหนังแอ็คชั่นเฮฮาที่ว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์แบบตรงไปตรงมาอย่างนี้มานานแล้ว แล้วทั้งคู่ก็รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะมานำแสดงในหนังเรื่องนี้”
ประวัติคณะนักแสดง (ABOUT THE CAST)
สตีฟ คาเรล รับบทเป็น ฟิล ฟอสเตอร์
(STEVE CARELL: Phil Foster)
สตีฟ คาเรลเป็นดาวตลกหาตัวจับยากที่งานชุกที่สุดคนหนึ่งในฮอลลีวู้ด (Hollywood) เขาแจ้งเกิดจากงานร่วมแสดงใน The Daily Show with Jon Stewart รายการที่ออกอากาศทาง Comedy Central และได้รับรางวัลเอ็มมี่ (Emmy? Award) คาเรลยังสร้างชื่อเสียงโด่งดังข้ามจากโทรทัศน์ช่วงไพร์มไทม์ มาครองใจผู้ชมภาพยนตร์ได้กว้างขวางไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
คาเรลรับบทนำแสดงเป็น ไมเคิ้ล สก๊อต (Michael Scott) เจ้านายขี้โอ่และหลงตัวเองสุด ๆ ในบริษัทค้ากระดาษแห่งหนึ่งในเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) ซึ่งเป็นบทบาทดัดแปลงให้เข้ากับผู้ชมอเมริกันจากต้นฉบับซีรี่ย์อังกฤษ (British) ที่สร้างสรรค์โดยริคกี้ เจอเวส (Ricky Gervais) ใน The Office นั่นเอง ปัจจุบันก็สร้างกันมาถึงปีที่ 6 แล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นซีรี่ย์ที่เรทติ้งสูงแล้วยังส่งให้คาเรลได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy Award nominations) ถึง 3 ครั้งกับรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe? nominations) อีก 4 ครั้ง เขาคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe) มาครองได้สำเร็จเมื่อปี 2006 เมื่อสองปีก่อนนักแสดงทั้งคณะก็ยังคว้ารางวัล Screen Actors Guild Award? สาขา Outstanding Performance by an Ensemble in a Comedy Series มาครองด้วย
คาเรลเปิดตัวเป็นดารานำแสดงครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง The 40-Year-Old Virgin ที่เขาร่วมเขียนบทภาพยนตร์กับจู้ด อะพาโทว์ (Judd Apatow) และเปิดตัวทำรายได้อันดับ 1 สองสัปดาห์ซ้อน ทั้งยังกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเหนือความคาดหมายที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 175 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเปิดตัวเป็นอันดับหนึ่งใน 12 ประเทศด้วย พอวางแผงในรูปแบบดีวีดีเฉพาะในอเมริกาเหนือ (North America) ก็กวาดรายได้ไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนั้นก็ยังได้รับเกียรติจาก AFI Award?ให้เป็น หนึ่งใน 10 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Most Outstanding Motion Pictures of the Year) และคว้ารางวัล Best Comedy Movie จาก 11th annual Critics’ Choice Awards? อีกทั้งส่งให้คาเรลกับอะพาโทว์ได้รับการเสนอชื่อร่วมกันชิงรางวัล Best Original Screenplay ของ Writers Guild Association ด้วย
ต่อมาในปี 2008 คาเรล รับบทแม็กซ์เวล สมาร์ท (Maxwell Smart) ในภาพยนตร์แอ็คชั่น-เฮฮาเรื่อง Get Smart ประกบกับแอน แฮ็ทธะเวย์ (Anne Hathaway) และอลัน อาร์กิ้น (Alan Arkin) ที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะมีภาคต่อเปิดฉายในปี 2011 อย่างแน่นอน
คาเรล ยังพากย์เสียงเป็น นายกเทศมนตรีแห่งเมืองฮูวิล (The Mayor of Whoville) ใน Dr. Seuss’ Horton Hears a Who! ของ Twentieth Century Fox ที่สร้างดัดแปลงจากหนังสือสำหรับเด็กเล่มเลื่องชื่อของด๊อกเตอร์ซูส (Dr. Seuss) ที่กำกับโดย จิมมี่ เฮย์เวิร์ด (Jimmy Hayward จาก Finding Nemo และ Monsters, Inc.) ซึ่งคาเรลรับบทเฉือดเชือนคารมกับจิม แคร์รี่ย์ (Jim Carrey) และช่วยกันส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 295 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ต่อมาในปี 2006 คาเรลร่วมแสดงใน Little Miss Sunshine ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารางวัลออสการ์ (Academy Award? nomination) สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) และคว้ารางวัล SAG Award? สาขา Outstanding Performance by a Cast in a Motion Picture ซึ่งเป็นผลงานตลกเสียดสีอย่างแสบสันต์ที่นำแสดงโดยเกร็ก คินเนียร์ (Greg Kinnear), และโทนี่ คอลเล็ต (Toni Collette) ก่อนหน้านั้นเขาก็ร่วมแสดงใน Anchorman: The Legend of Ron Burgundy, Bewitched, และ Dan in Real Life
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่แจ้งเกิดให้กับคาเรลเต็ม ๆ ก็คือ Bruce Almighty ที่นำแสดงโดย จิม แคร์รี่ย์ (Jim Carrey) และส่งให้คาเรลได้นำแสดงในภาคต่อที่ชื่อ Evan Almighty เมื่อปี 2007
ล่าสุด คาเรล เพิ่งเปิด Carousel Productions บริษัทสร้างภาพยนตร์ ที่จะอาศัยความกล้าหาญ และนำความสำเร็จจากการแสดง, การเขียนบท, และการอำนวยการสร้างของเขามานำพาให้ Carousel Productions ไปสู่ความสำเร็จในเร็ววันนี้
คาเรลเกิดในเมืองแมสซาชูเส็ต (Massachusetts) ปัจจุบันอาศัยอยู่ในลอส แองเจลิส (Los Angeles) กับแนนซี่ วอลส์ (Nancy Walls จาก Saturday Night Live ทาง NBC) นักแสดงสาวที่เขาพบรักตั้งแต่สมัยยังร่วมแสดงในคณะ Second City Theater Group ที่ชิคาโก้ (Chicago) เขามีบุตรหนึ่งคนและธิดาหนึ่งคน
ทิน่า เฟย์ รับบทเป็น แคลร์ ฟอสเตอร์
(TINA FEY: Claire Foster)
ทิน่า เฟย์เป็นบุคลากรแถวหน้าของแวดวงโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทุกวันนี้ เธอทั้งเขียนบท, บริหารงานอำนวยการผลิต, และนำแสดงใน 30 Rock ซีรี่ย์สุดเฮฮาที่ตีแผ่เบื้องหลังการทำงานสร้างสรรค์รายการวาไรตี้ทางโทรทัศน์ที่แผร่ภาพทาง NBC และได้รับรางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy Award-winning comedy series) ถึง 3 ครั้งแล้ว ซึ่งบทลิซ เลม่อน (Liz Lemon) หัวหน้าฝ่ายเขียนบทสาวของรายการ TGS with Tracy Jordan ส่งให้เฟย์คว้ารางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy), รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes) สองรางวัล, รางวัล SAG Awards สามรางวัล, และรางวัล People’s Choice Award? มาครองได้สำเร็จ ในขณะที่ปีนี้เพียงปีเดียว 30 Rock ก็คว้ารางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy Awards) มาครองถึง 5 สาขาจากที่ได้รับการเสนอเข้าชิงมากมาย
ก่อนหน้าที่เฟย์จะร่วมสร้างสรรค์ 30 Rock เธอเคยเป็นหัวหน้าผู้เขียนบท, ร่วมแสดง, และร่วมกำกับหลาย ๆ ตอนของ Weekend Update ที่เป็นส่วนหนึ่งในรายการ Saturday Night Live ทาง NBC ซึ่งส่งให้เธอคว้ารางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy) และรางวัล Writers Guild Award ถึง 2 ครั้ง รวมทั้งรางวัลเอ็มมี่ย์ (Emmy) ที่เธอสวมบทบาทล้อเลียนซาร่า พาลิน (Sarah Palin) ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหญิงใน SNL ด้วย
ตั้งแต่หันมาเอาดีกับการเป็นดาราหน้ากล้อง เฟย์ ก็ได้รับการยกย่องจาก Entertainment Weekly ให้เป็นหนึ่งใน Entertainers of the Year Entertainers of the Year, จาก People Magazine ให้เป็น Most Beautiful People ถึง 3 ปี, และติดอันดับ Prestigious Time 100 ของนิตยสาร Time ด้วย
นอกจากนั้นในปี 2008 เฟย์ยังคว้ารางวัล Producers Guild Award กับรางวัล Writers Guild Award สาขา Outstanding Comedy Series จาก 30 Rock ด้วย เธอยังคว้ารางวัล Gracie Awards สองสาขา, รางวัล Made in New York Award, และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล People’s Choice Award สาขา Choice Comedy Actress, และรางวัล SAG Award สาขา Outstanding Performance by an Ensemble in a Comedy Series ด้วย
พอเฟย์ขยับขยายมาสู่วงการภาพยนตร์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2004 ก็เป็นทั้งผู้เขียนบทภาพยนตร์และร่วมแสดงกับลินด์เซย์ โลแฮน (Lindsay Lohan) ใน Mean Girls ที่ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Writers Guild Award สาขา Best Adapted Screenplay
ล่าสุดเธอแสดงใน Baby Mama กับเอมี่ โพเลอร์ (Amy Poehler) นักแสดงจาก Saturday Night Live ที่ Universal Pictures จัดจำหน่ายแล้วกวาดรายได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกา (U.S. box office) ไปมากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เฟย์ ยังร่วมแสดงกับริคกี้ เจอร์เวส (Ricky Gervais) ใน The Invention of Lying ภาพยนตร์เฮฮาที่ออกฉายในปี 2009 ด้วย
คอมม่อน รับบทเป็น คอลลินส์
(COMMON: Collins)
คอมม่อนเป็นศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ (Grammy Award?) ที่เปิดตัวในฐานะนักแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกด้วยบทนักเต้นละครเพลงใน Dave Chappelle’s Block Party เมื่อปี 2006 ต่อมาในเดือนมกราคม 2007 คอมม่อนแจ้งเกิดเต็มตัวด้วยบทประกบเจเรมี่ ไพเว่น (Jeremy Piven), เบ็น แอฟเฟล็ค (Ben Affleck), อลิเชีย คีย์ (Alicia Keys), และไรอั้น เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) ใน Smokin’ Aces นับแต่นั้นมาเขาก็ยังร่วมแสดงกับเดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) ใน ที่ American Gangster กำกับโดยริดลี่ย์ สก๊อต (Ridley Scott), Street Kings ของเดวิด เอเย่อร์ (David Ayer) ที่นำแสดงโดยคีอานู รีฟ (Keanu Reeves) กับฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ (Forest Whitaker), และ Terminator Salvation ที่กำกับโดย แม็คจี (McG) และนำแสดงโดยคริสเตียน เบล (Christian Bale)