กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของนักแข่งหนึ่งเดียวของไทย มานะ พรศิริเชิด ที่สามารถควบรถแข่งคู่ใจ มิตซูบิชิ เรซซิ่ง ไทรทัน อีโวลูชั่น หมายเลข 361 ฝ่าด่านหฤโหดเข้าไปโบกธงไทยที่เส้นชัยเมืองดาการ์ตามเป้า ในขณะที่ทีมนักแข่งจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส สามารถจารึกประวัติศาสตร์ความเป็นจ้าวแห่งสนามทะเลทรายได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 12 ในรายการ “ลิสบอน — ดาการ์ 2007” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวของความสำเร็จด้านมอเตอร์สปอร์ตในระดับโลก
นายธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวแสดงความภูมิใจในความสำเร็จของทีมนักแข่งในสังกัดมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการแข่งขัน ลิสบอน — ดาการ์ 2007 ว่า “นับเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจสำหรับชาวมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก ที่ชื่อเสียงของรถยนต์มิตซูบิชิ ได้รับการจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในฐานะทีมที่ครองแชมป์รายการแข่งขันที่ได้รับการขนานนามว่าหฤโหดที่สุดในโลกอย่าง “ดาการ์ แรลลี่” เป็นสมัยที่ 12 และสิ่งที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือการที่นักแข่งไทย มานะ พรศิริเชิด ซึ่งลงแข่งขันในนามทีม มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต สิงห์ ประเทศไทย สามารถโชว์ผลงานการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยในการสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทยให้ก้าวสู่สนามในระดับโลก และจากความสำเร็จในครั้งนี้ยังเป็นบทพิสูจน์สมรรถนะและความแข็งแกร่งของรถยนต์มิตซูบิชิทั้ง 2 รุ่น คือ MPR13 หรือ Mitsubishi Pajero/Montero Evolution ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุด และ Mitsubishi Racing Triton Evolution รถต้นแบบของ Mitsubishi Triton ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งสามารถผ่านบททดสอบที่เต็มไปด้วยความหฤโหดของทั้งสภาพอากาศที่ทารุณ บนสภาพเส้นทางที่มีครบทุกรูปแบบตั้งแต่ทะเลทรายอันร้อนระอุ โตรกเหว และเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหิน มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
สำหรับผลงานการแข่งขันของ หนึ่ง - มานะ พรศิริเชิด นักแข่งไทย และเนวิเกเตอร์คู่ใจชาวฝรั่งเศส ฌ็อง บรูซี่ และ Mitsubishi Racing Triton Evolution หมายเลข 361 สามารถโชว์ผลงานได้อย่างน่าพอใจในรายการ ลิสบอน - ดาการ์ 2007 โดย เจ้าหนึ่ง - มานะ ทำเวลาในสเตจต้นๆ ได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งสามารถทำอันดับในเวลารวมได้ดีที่สุดอยู่ในตำแหน่งที่ 42 แต่ก็ต้องมาปะทะเข้ากับอุปสรรคใหญ่ในสเตจที่ 5 เสียเวลาไปมากเข้ามาอยู่ในอันดับที่ 141 ของสเตจและทำให้อันดับในเวลารวมลงมารั้งอยู่ที่ 78 ซึ่งหลังจากซ่อมแซมรถแข่งคันเก่งเป็นที่เรียบร้อย มานะ ก็กลับมาทำเวลาดีไต่จาก 141 ขึ้นมาอันดับที่ 49 ของสเตจในสเตจที่ 6 แต่พายุทรายในสเตจที่ 7 ก็ทำให้อันดับของเจ้าหนึ่งตกลงไปอีกครั้งก่อนได้พักผ่อนเต็มที่ในวันที่ 8 ของการแข่งขันที่เมืองอัตต้าประเทศมอริทาเนีย จากนั้น มานะ ต้องเผชิญกับด่านที่หินที่สุดในสเตจที่ 8 — 9 ซึ่งเป็นมาราธอนสเตจโดยทีมรถเซอร์วิสไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ตลอดเส้นทางกว่า 1,000 กม. แต่ มานะ ก็สามารถผ่านช่วงที่อันตรายที่สุดมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในอันดับที่ 31 ของสเตจที่ 9 ทำให้อันดับในเวลารวมรั้งอยู่ที่ 70 จากนั้น มานะ โชว์ผลงานใน 5 สเตจสุดท้ายได้ดีที่สุดคืออันดับที่ 22 ของสเตจที่ 13 และจบการแข่งขันในสเตจที่ 15 ด้วยอันดับที่ 45 ของ สเตจ โดยอันดับในเวลารวมอยู่ที่ 67 ด้วยเวลา 77 ชม. 2 นาที 51 วินาที
สำหรับผลการแข่งขันในรุ่นแยกประเภทรถแข่งและเครื่องยนต์ ซึ่งทีม มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต สิงห์ ประเทศไทย สังกัดอยู่ในรุ่น ซูเปอร์ โปรดักชั่น 4x4 ดีเซล มานะ พรศิริเชิด สามารถทำผลงานในระดับสเตจได้ดีที่สุดในอันดับ 8 ของสเตจในสเตจที่ 13 โดยหลังจากจบสเตจที่ 15 สรุปเวลารวมอยู่อันดับที่ 18 จากผู้เข้าแข่งขันที่สามารถผ่าน 15 สเตจทั้งหมด 38 คัน
ด้านความสำเร็จของทีม เรปซอล มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ซึ่งปีนี้ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่นส่ง 4 ขุนพลลงชิงชัยพร้อมกับรถแข่ง MPR13 หรือ Mitsubishi Pajero/Montero Evolution ซึ่งได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดทั้งโครงสร้างภายนอกและภายในทั้งหมด ซึ่งหลังจากเหล่าขุนพลทั้ง 4 ฝ่าฟันอุปสรรคผ่าน 15 สเตจสู่เมืองดาการ์แห่งตำนานมาแล้ว ก็สามารถจารึกประวัติศาสตร์แชมป์ที่สามารถประกาศความเป็นเจ้าสนามทะเลทรายให้กับทีมมิตซูบิชิ มอเตอร์สได้อีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์ “ดาการ์ แรลลี่” สำเร็จเป็นปีที่ 12 โดยผู้ทำเวลารวมครองแชมป์อันดับ 1 คือ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล และเนวิเกเตอร์ ฌ็อง-ปอล คอตเทร ในรถแข่งหมายเลข 302 ด้วยเวลา 45 ชม. 53 นาที 37 วินาที ตามมาด้วยอันดับที่ 2 ลุค อัลฟองค์ และกีเย่ส์ ปีการ์ด เนวิเกเตอร์กับรถแข่งหมายเลข 300 ด้วยเวลา 46 ชม. 1 นาที 3 วินาที ขณะที่ ฮิโรชิ มาซูโอกะ นักขับจากญี่ปุ่น และเนวิเกเตอร์ชาวฝรั่งเศส ปาสคาล เมมง ในรถแข่งหมายเลข 306 ครองาอันดับที่ 5 ด้วยเวลา 48 ชม. 38 นาที 8 วินาที ด้าน โจน นานิ โรม่า และ ลูคัส ครูส เซร่า 2 นักแข่งชาวสเปนในรถแข่งหมายเลข 304 ทำเวลารั้งทั้งครองอันดับที่ 13 ด้วยเวลา 55 ชม. 30 นาที 6 วินาที
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net