กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--พีอาร์พีเดีย
เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนลเปิดตัวซีรี่ย์ “Shark Men” พาทุกท่านพบกับความลับของเพชรฆาตแห่งท้องสมุทรของเกรทไวท์
ครั้งแรก 7 เมษายนนี้ ทางช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนล
Shark Men ซีรี่ย์ใหม่ล่าสุดจากเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนล พาผู้ชมไขปมปริศนาหนึ่งในสุดยอดเพชรฆาตที่ยากที่จะเข้าใจและถูกเข้าใจผิดมาโดยตลอดมากที่สุดในโลก “เกรทไวท์” จำนวน 6 ตอน ประเดิมลงจอครั้งแรก วันที่ 7 เมษายน เวลา 21.00 น. ทางช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนล — ทรูวิชั่นส์ A24, D19
คุณจะจับเจ้าฉลามขาวที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 2,200 กิโลกรัมและมีฟันอันแหลมคมดุจมีดโกนและมาพร้อมกับความสามารถในการเคลื่อนตัวไปในท้องมหาสมุทรที่ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไร คำตอบก็คือการระดมหัวสมองวางแผนการที่ต้องอาศัยทั้งกำลังและความกล้าในการจัดการกับเจ้าเพชรฆาตตัวเขื่องให้อยู่หมัด แล้วก็นำพวกมันขึ้นมาจากน้ำด้วยรถฟอร์กลิฟต์เพื่อที่จะได้ติดเครื่องตามตัวไว้กับพวกมันและปล่อยมันกลับท้องทะเลบ้านเกิดของมันไปโดยไม่ให้มีรอยข่วนแม้แต่ปลายเล็บ
SHARK MEN ประเดิมจอครั้งแรกวันที่ 7 เมษายน 2553 เวลา 21.00 น. ทางช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนล ด้วยการไขปมปริศนาต่าง ๆ ของสุดยอดปลานักล่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับการนำเสนอเรื่องราวของคณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการล่าปลานำทีมโดย คริส ฟิสเชอร์และนักวิทยาศาสตร์ทางด้านปลาฉลามชื่อดังอย่างด็อกเตอร์ ไมเคิ้ล โดเมียร์ ทั้งหมดได้ร่วมแรงร่วมใจกันออกเดินทางเพื่อตามหาเจ้าเพชรฆาตแห่งท้องทะเลเหล่านี้ เป้าหมายของพวกเขาก็คือการไขปมความลับของรูปแบบการอพยพของฉลาม รวมไปถึงบริเวณสืบพันธุ์และออกลูก วงการฮอลลีวูดนั้นครั้งหนึ่งได้เคยสร้างภาพลักษณ์ของเจ้าฉลามขาวให้ดูแล้วเป็นนักล่าที่โหดร้าย ที่คอยไล่ล่าเขมือบคนที่ลงมาเล่นน้ำ อย่างไรก็ตามเจ้าสุดยอดนักล่ารายนี้ไม่ได้กระหายอยากเนื้อมนุษย์ และก็ไม่ได้เป็นเครื่องจักรสังหารที่กินไม่เลือกอย่างที่คิดกัน มายาคติอันนี้ทำให้เกิดการไล่ล่าฉลามเอาฟันกรามและหูของมันมาแลกกับเงิน ขณะที่อุตสาหกรรมการจับปลาก็ยังคงคุกคามจำนวนประชากรฉลามต่อไป แม้ว่าจะมีการทำการวิจัยกันมาเป็นปี ๆ แล้ว แต่ฉลามขาวก็ยังคงเป็นสัตว์แห่งท้องทะเลลึกที่เข้าใจยากและง่ายต่อการถูกทำร้ายมากที่สุด
ด็อกเตอร์ โดเมียร์ นั้นได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับฉลามขาวที่เกาะกวาดาลูเป้ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งเม็กซิโกไป 260 กิโลเมตร มาเกือบจะครบทศวรรษแล้ว และก็รู้จักพวกมันได้ด้วยการเรียกชื่อกว่าร้อยตัว ที่ผ่านมาด็อกเตอร์ โดเมียร์นั้นได้ใช้ป้ายบอกข้อมูลที่มีสัญญาณกระพริบเป็นช่วงสั้น ๆ ติดไว้กับตัวฉลาม แต่มันไม่สามารถบอกได้ว่าพวกมันไปไหนกันมาบ้างในช่วงที่มันมีป้ายอยู่กับตัวและตอนที่ป้ายไม่ได้ส่งสัญญาณ ดังนั้นเขาจึงพัฒนาเครื่องมือส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมที่แม่นยำมากกว่านั้น ซึ่งมีอายุการใช้งานสูงถึง 6 ปีเลยทีเดียว แต่นั่นหมายความว่าจะต้องจับเจ้าเพชรฆาตตัวนั้นมาให้ได้ก่อน เพราะเจ้าเครื่องมือหรือป้ายใหม่อันนี้จะต้องฝังติดไว้ที่หูฉลาม โดยเป็นขั้นตอนที่เชื่อว่าจะไม่ทำให้ฉลามนั้นได้รับบาดเจ็บ
คริส ฟิสเชอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจับและปล่อยปลาที่ปกติแล้วจะเป็นปลาจับยาก เขามีประสบการณ์ออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ของโลกพร้อมกับกัปตัน เบรต แม็คไบรด์ เพื่อจับและปล่อยปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้วหลายครั้ง ทั้งคริสและเบรตมีเรือและทักษะในการจับฉลามขาวและก็สิ่งที่คนอื่นไม่มี นั่นก็คือเปลระบบไฮโดรลิคที่ได้รับการดัดแปลงมาเป็นพิเศษที่สามารถขังและยกฉลามขึ้นมาจากน้ำได้ แต่เมื่อฉลามถูกนำขึ้นมาบนเรือ เวลาที่มีก็ถูกจำกัด ไม่ต่างจาก “pit crew“ ของทีมรถแข่ง คณะผู้ทำงานมีเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้นในการตรวจสอบและติดป้ายฉลามแต่ละตัวก่อนที่พวกมันจะถูกปล่อยตัวลงน้ำไปอีกครั้ง
ภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ประกอบด้วยตอนดังต่อไปนี้
First Bite
วันพุธที่ 7 เมษายน 2553 เวลา 21.00 น.
ร่วมเดินทางไปกับคณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจับปลาและนักวิทยาศาสตร์ทางด้านฉลามคนดัง ขณะที่พวกเขาได้ทอดสมอเรือขนาดความยาว 38 เมตร นอกชายฝั่งเกาะกวาดาลูเป้ของเม็กซิโก ซึ่งเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยแมวน้ำอันเป็นที่ยั่วน้ำลายเจ้าฉลามขาวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สำหรับลูกเรือแล้ว การจับปลาฉลามขาวนั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่การที่จะเอาพวกมันให้อยู่หมัดบนเรือที่มีกรงไฮโดรลิกนี่สิถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความกล้าของพวกเขาในทุกทางเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามเจ้าฉลามเขากลับคู่ต่อสู้ที่เก่งแบบสุดสำหรับพวกเขา พวกมันทั้งรั้งทั้งดึงตะขอเบ็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังลากทุ่นไปใต้น้ำและจัดการกับสายเอ็นที่รับน้ำหนักได้มากว่าหนึ่งตันจนขาด ทั้งทีมจับปลาและนักวิทยศาสตร์ต่างก็ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำให้งานนี้เสร็จลุล่วงไปได้อย่างไร พวกเขาจะจับฉลามได้สักตัวไหม เรามาดูกัน
Big Mama
วันพุธที่ 14 เมษายน 2553 เวลา 21.00 น.
หลังจากที่ได้จับและปล่อยตัวฉลามตัวแรกไปแล้ว ทางคณะก็ได้ตั้งเป้าว่าอย่างน้อยจะต้องติดป้ายฉลามตัวเมียให้ได้สักหนึ่งตัว ฉลามตัวผู้และตัวเมียนั้นมีรูปแบบการอพยพที่ไม่เหมือนกัน และฉลามตัวเมียซึ่งมีขนาดตัวโตกว่าตัวผู้นั้นอาจจะให้ข้อมูลของแหล่งที่พวกมันให้กำเนิดลูกฉลามได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ ด็อกเตอร์ โดเมียร์อยากจะปกป้อง ทางคณะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันและเดิมพันที่มีก็สูงเสียด้วย ยิ่งพวกเขาติดป้ายได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตามฉลามได้มากตัวเท่านั้น และนั่นก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะไขปมปริศนาของการเดินทางอพยพของฉลามขาวได้เป็นอย่างดี แล้วทางทีมงานจะหา “ตัวแม่” ได้สำเร็จไหม ต้องติดตาม
Size Matters
วันพุธที่ 21 เมษายน 2553 เวลา 21.00 น.
ทางคณะไล่ล่าฉลามได้เดินทางกลับมายังเกาะกวาดาลูเป้ของแม็กซิโก หนึ่งปีหลังจากนั้นพร้อมกับข้อมูลใหม่ ลูกเรือ และเป้าหมายใหม่ ด้วยบทเรียนที่ได้จากปีที่แล้ว ด็อกเตอร์ โดเมียร์ มาคราวนี้ใจจดจ่ออยู่กับการจับปลาฉลามตัวเมีย การอพยพของพวกมันดูเหมือนว่าจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ถึงสองปี ไม่เหมือนกับการเดินทางกลับไปยังเกาะของฉลามตัวผู้ที่เกิดขึ้นทุกปี เครื่องตามตัวฉลามระยะยาวน่าจะให้ข้อมูลตลอดช่วงนี้ได้บวกกับตัวอย่างเลือดก็น่าจะให้ภาพของวงจรการสืบพันธุ์ของฉลามได้ ไม่ต่างจากเครื่องจักรที่มีน้ำมันเต็มถัง คณะผู้ทำงานก็สามารถจับฉลามตัวแรกได้ แต่พวกเขาจะไม่มีวันพอใจได้หากว่ามันไม่ใช่ฉลาม “ตัวแม่” สารคดีชุด Shark Men ผลิตโดยโปรดักชั่นฟิสเชอร์ เพื่อออกอากาศทางช่องเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนเนล อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีคริส ฟิสเชอร์และเมารีน เลอเมียร์ นั่งแท่นผู้อำนวยการผลิต ช่อง NGCI มี ซิดนียร์ ซุยซ่า เป็น Executive Vice President of Content.
The Hot Spot
วันพุธที่ 28 เมษายน 2553 เวลา 21.00 น.
มันดูเหมือนจะเป็นวันที่หนักเอาการอยู่เมื่อเจ้าหน้าที่เม็กซิกันมาถึง แต่งานก็ยังต้องดำเนินต่อ คริสเตรียมเบ็ดสำหรับปลาตัวใหญ่ แต่ปลาตัวจ้อยก็แอบมาขโมยเหยื่อยแล้วติดกับ แล้วมันก็มีอะไรมาให้ ดร.โดเมียร์แปลใจและให้ร่องรอยเรื่องการแพร่พันธุ์ของฉลามขาวยักษ์-สเปิร์มที่ขอเกี่ยว แล้วทีมก็ออกจับปลาปิดท้ายวันอีกรอบ และได้ปลาวาฬ Keiko ปลานักปาร์ตี้
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ :
บริษัท พีอาร์พีเดีย จำกัด
ชัยวัฒน์ สิมะวัฒนา / พชรวดี จุโลทัย / ปาณิศา ใจรักษาธรรม
โทรศัพท์ : 02 438 9945 ต่อ 17/15/12
อีเมล์ : chaiwat@prpedia.co.th / june@prpedia.co.th/ panisa@prpedia.co.th