กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--IR PLUS
SPPE บริษัทย่อยของ บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากความสำเร็จในผลิตน้ำมันที่เกิดจากการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นรายแรก ล่าสุดผลิตและส่งขายให้กับโรงกล่นน้ำมันบางจากได้แล้ว โครงการนำร่องที่เทศบาลเมืองหัวหินมีกำลังการผลิตปีละ 1.35 ล้านลิตร ผู้บริหาร SPEE เผยแนวโน้มของของธุรกิจมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เหตุประเทศไทยมีขยะฝังกลบที่เป็นพลาสติกมากถึง 5 ล้านตันต่อปี สามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันได้อีกเป็นจำนวนมาก
นางสันติวิภา พานิชกุล กรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด หรือ SPEE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย)(SPPT) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจของ SPEE ว่าหลังจากที่ได้เริ่มติดตั้งเครื่องจักรและทดสอบขั้นตอนการทำงานเมื่อปลายปี 2552 และได้เริ่มทดลองการผลิตเต็มกำลังในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีกำลังการผลิต 6 ตันต่อวัน มีผลผลิตเป็นน้ำมัน 4,500 ลิตรต่อวัน หรือปีละประมาณ 1,350,000 ลิตรต่อปี
“เป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอีกขั้นของ SPEE เพราะถือเป็นรายแรกของไทยและเป็นรายแรกของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากขยะที่เป็นวิกฤต แต่เราสามารถนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาจัดการและพลิกจากวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นน้ำมันซึ่งในปัจจุบันสามารถจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้แล้ว และกระทรวงพลังงานได้ให้ ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยได้มีการส่งเสริมด้วยการประกันราคาขายผ่านโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งที่ราคา 18 บาทต่อลิตร โดยเพิ่มจากราคาน้ำมันดิบดูไบ”
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่าง เทศบาลเมืองหัวหิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม และ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด เพื่อจัดส่งน้ำมันดิบแปรรูปจากขยะพลาสติกไปจำหน่ายให้กับโรงกลั่นน้ำมันบางจากฯ เพื่อจะได้กลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปที่มีคุณภาพสูงจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ต่อไป
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่าแนวโน้มของธุรกิจดังกล่าวนี้ยังมีโอกาสเติบโตต่อไปในอนาคตได้อีกมากเนื่องจากประเทศไทยมีขยะฝังกลบอยู่ทั่วประเทศประมาณ 50 ล้านลิตรต่อปี ในจำนวนนี้เป็นขยะพลาสติก 10% หรือ 5 ล้านตันต่อปี หากสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำมันดิบได้จะมีปริมาณมากถึง 23.58 ล้านบาร์เรลต่อปี สามารถลดการนำเข้ามันดิบคิดเป็นมูลค่ามากถึง 56,520 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่นับรวมขยะที่เกิดขึ้นมาใหม่อีกประมาณ 15 ล้านตันต่อปี โดยขยะ 6-10 ตันสามารถผลิตเป็นน้ำมันดิบได้ 28-47 บาร์เรล(4,500-7,500 ลิตร)
นายจิระ พงษ์ไพบูลย์ นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่าเหตุผลที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเนื่องจากต้องการแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นหัวหิน โดยจะทำให้ท้องถิ่นสามารถแก้วิกฤตจากขยะพลาสติกที่ต้องรอการย่อยสลายอีก 500 ปี ให้เป็นโอกาสในการสร้างพลังงานทดแทน
สำหรับเทศบาลเมืองหัวหิน พบว่ามีศักยภาพของพื้นที่ ที่มีบ่อขยะฝังกลบทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ตันแบ่งเป็นขยะพลาสติกประมาณ 30,000 ตัน และยังมีขยะเกิดใหม่อีกวันละ 100 ตัน ดังนั้นจึงมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตน้ำมันดิบได้ ซึ่งขยะพลาสติก 30.000 ตัน สามารถผลิตเป็นน้ำมันดิบได้140,000 บาร์เรล
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :IR PLUS คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) 02-554-9396