กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--IR PULS
“วุฒิชัย ลีนะบรรจง”แม่ทัพใหญ่แห่ง CEN ยืนยันถึงเวลา Turn Around หลังจากที่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารอย่างลงตัว กอรปกับฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมฉวยจังหวะเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัวและภาครัฐอัดฉีดเต็มที่ ประกาศแผนงานจากนี้พร้อมลุยเต็มสูบ โดยใช้ 3 บริษัทในเครือเป็นหัวจักรขับเคลื่อน ล่าสุดผนึกพันธมิตรเกาหลี รุกงานขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน มั่นใจสิ้นปีหนุนรายได้เติบโต 15% ทะลุ 2,000 ลบ.ได้ตามเป้าหมาย นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่งเน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN กล่าวว่าในปี 2553 ถือเป็นปีแห่งการ Turn Around ของบริษัท หลังจากที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารจัดการของบริษัทในเครืออย่างลงตัว จึงมั่นใจว่าปีนี้ จะเป็นปีที่ดีของบริษัท โดยได้รับแรงหนุนจากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง คือ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)(UWC) บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) และบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด (ENS) ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวตลอดจนการกระตุ้น ของภาครัฐอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่สนับสนุนให้ ผลการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สำหรับแผนงานของ UWC ซึ่งเป็นผู้ผลิตโครงเหล็กเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสาโทรคมนาคม ในปีนี้เตรียมเพิ่มเครื่องจักรใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจำใช้เงินลงทุนประมาณ 20-40 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายงานด้าน Steel General Fabrication ในตลาดใหม่เพิ่มเติม อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ดังนั้นจึงเชื่อว่า ผลประกอบการของ UWC ในปีนี้จะยังมีผลกำไรต่อเนื่องได้
ส่วน RWI ผู้ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยวและเส้นตีเกลียว และลวดเชื่อม CO2 คาดว่า ปีนี้สามารถมียอดขายที่เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ลวดแรงดึงสูงมากขึ้นจากงานด้านก่อสร้างโตขึ้นจากงบไทยเข้มแข็ง และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าผลประกอบการปี 2553 จะมีรายได้ที่เติบโตกว่าปี 2552 และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ENS ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า & พลังงานความร้อนและพลังงานทดแทน ในปี 2553 มีโอกาสที่จะได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ราย นอกจากนี้ ENS ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ เช่น โซลาร์เซลล์และกังหันลม โดยจะขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งนี้ในส่วนของผลการดำเนินงานของ ENS คาดว่าจะมีรายได้มากขึ้น
“นอกจากผู้บริหารชุดใหม่มีความตั้งใจและมุ่งมั่น ที่จะพัฒนา CEN ให้เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและแข็งแกร่ง มีการเติบโตขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากที่ผ่านมาเราได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและดำเนินการหลายๆ อย่างจนทำให้มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน พร้อมที่จะแข่งขัน และก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ และเรายังให้ความสำคัญกับมองหาธุรกิจที่มีอนาคตเข้ามาสนับสนุนให้ CEN เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต”
นายวุฒิชัยกล่าวตอกย้ำถึงการมุ่งหาธุรกิจที่มีอนาคตเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของ CEN ในระยะยาวว่า ได้เข้าลงทุนในบริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินและงานก่อสร้าง Power Plant โดยเป็นการจับมือร่วมกับพันธมิตรจากเกาหลี ซึ่งมั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าตั้งแต่ปีแรกที่ลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในประเทศไทย โดยปี 2553 คาดว่าจะมีรายได้อย่างน้อย 50 ล้านบาท ทั้งนี้มีงานในมือ (Backlog) แล้ว มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ขณะเดียวกันได้เตรียมประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชน เนื่องจากงานขุนเจาะอุโมงค์แบบพิเศษนี้ มีแนวโน้มที่ดีโดยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก อีกทั้งยังสามารถต่อยอดให้กับธุรกิจในเครือของ CEN อีกด้วย ทำให้มีการดำเนินธุรกิจได้อย่างครบวงจรและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายธุรกิจ
“สถานการณ์ทางธุรกิจของ CEN และบริษัทย่อยทั้ง 4 แห่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดตั้งแต่ปลายปีก่อน จากหลายปัจจัยที่สนับสนุน นอกเหนือจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท โดยคาดว่ารายได้จะไต่ขึ้นไปแตะที่ระดับ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2552” นายวุฒิชัย กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PULS
คุณฉัฐวีณ์ จิราวัฒนพงศ์(ก้อ) โทร.02-554-9396 E-mail : chatthavee@irplus.in.th