กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--บลจ.บัวหลวง
บลจ.บัวหลวง ประกาศนโยบายบริหารงานในปี 2553 ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ทั้งรองรับการขยายตัวของธุรกิจจัดการกองทุนครบวงจร ภายหลังรวมธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลมาไว้ด้วยกันที่ บลจ. พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) เปิดเผยถึงนโยบายบริหารงานของบริษัทในปี 2553 ว่า ล่าสุดบริษัทปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ให้รองรับการทำธุรกิจจัดการกองทุนเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภายหลังการโอนย้ายธุรกิจด้านจัดการกองทุนของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มารวมไว้ที่บลจ.บัวหลวง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในทุกด้าน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง ทั้ง 3 ธุรกิจนั้น มีประมาณ 210,822 ล้านบาท (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2553) โดยแบ่งเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้ธุรกิจกองทุนรวม 167,124 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 42,882 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 816 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจของฝ่ายจัดการกองทุนของธนาคารกรุงเทพ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล เมื่อรวมกับ บลจ.บัวหลวง ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านกองทุนรวม ที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว จึงนับเป็นการผนวกรวมความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งด้านประสิทธิภาพการบริหารเงินลงทุน การบริหารความเสี่ยง ตลอดจนการลงทุนเพื่อความสะดวกในการพัฒนางานด้านการบริการ เพราะมีความคุ้มค่าในขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น (Economy of Scale)
“ลูกค้าจะได้รับประโยชน์และเกิดความพอใจมากขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทจะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งสามารถนำเสนอบริการด้านบริหารเงินออมและลงทุนได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น เนื่องจากการจัดการกองทุนเป็นธุรกิจที่บริษัทดำเนินการเต็มรูปแบบ ประกอบกับการเป็นบริษัทในเครือที่ธนาคารกรุงเทพถือหุ้นใหญ่ ซึ่งให้การดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งการวางนโยบายธุรกิจให้กับบริษัท รวมทั้งตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินงานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ธุรกิจจัดการกองทุนยังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มดี ตลอดจนกฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น จึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น การที่ธนาคารมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจนี้อย่างเต็มที่ เพื่อสนองความต้องการและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการโอนย้ายมารวมศูนย์ไว้ที่ บลจ.บัวหลวง จึงเป็นแนวทางที่ชัดเจนว่าธนาคารมีความพร้อมที่จะให้บริษัทบุกเบิกธุรกิจนี้อย่างครบวงจร” นางวรวรรณ กล่าว
ด้านนายหรรสา สุสายัณห์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและส่วนบุคคล กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ดำเนินการวางแผนและเตรียมการโอนย้ายธุรกิจครั้งนี้เป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่างๆ รวมทั้งผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับและการประกอบธุรกิจที่ดีกว่า ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่จะทวีการแข่งขันสูงขึ้น จากการเปิดเสรีด้านการเงินและการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการของสมาชิกกองทุน หรือผู้ลงทุนในอนาคต จะเน้นเรื่องการลงทุนที่สอดคล้องกับแต่ละบุคคล ซึ่งบลจ.บัวหลวงเอง สามารถใช้กองทุนรวมที่มีอยู่ นำเสนอเป็นสินทรัพย์ปลายทางตามประเภทการลงทุน อันสอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกกองทุนแต่ละคน ทุกช่วงอายุ ทั้งวัยเริ่มต้นทำงาน ผู้ที่มีครอบครัว ผู้ที่วางแผน
เกษียณ รวมทั้งผู้ที่ต้องการออมเงินหลังเกษียณ ทั้งนี้ การรวมธุรกิจดังกล่าวจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และสามารถรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการด้านการลงทุนกับผลิตภัณฑ์กองทุนในกลุ่มของธนาคารได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ส่วนธุรกิจกองทุนรวมนั้น นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม กล่าวว่า บลจ.บัวหลวง นับเป็น บลจ.ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับด้านผลงานการจัดการกองทุนรวมและความมีธรรมาภิบาล โดยมีธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ด้วยความเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงเทพ จึงสามารถสร้างความมั่นใจได้ถึงความเป็นสถาบันการเงินที่มีมาตรฐานดี อีกทั้งยังได้รับรางวัลจากผลการบริหารกองทุนยอดเยี่ยมหลายครั้งต่อเนื่องจากหลายสถาบัน ทั้ง The Post-Lipper Awards 2006-2009 และล่าสุดรางวัลชนะเลิศ SET Award 2009 ด้วยการเป็น บลจ.ที่บริหารกองทุนรวมที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
ล่าสุด บริษัทร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ จัดรายการส่งเสริมการขายพิเศษเพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี ด้วยการลงทุนแบบสบายใจ ที่ให้คุณมีโอกาสรับผลตอบแทนที่คุ้มค่า มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ อีกทั้งไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายและผลตอบแทนไม่เสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา
พิเศษ เฉพาะช่วงรายการส่งเสริมการขาย ไม่ว่าจะซื้อกองทุนในวันใดก็ตาม เพียงลงทุนในช่วงนี้ จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2553 หากมียอดเงินลงทุนสุทธิ (ยอดซื้อหักยอดขายคืน) ณ วันทำการสุดท้ายของทุกสิ้นเดือน ม.ค. เดือน ก.พ. เดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 15 ม.ค. 2553 ด้วยยอดเงินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป (หรือเพิ่มขึ้นจากวันที่เปิดบัญชีครั้งแรก ในกรณีที่เปิดบัญชีหลังวันที่ 15 ม.ค. 2553) คุณจะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลสุดคุ้ม มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท ได้แก่ ทีวีแอลซีดี ซัมซุง 32 นิ้ว รวม 10 รางวัล กล้องดิจิตอล โซนี่ Cyber-shot รวม 10 รางวัล และบัตรกำนัล เทสโก้ โลตัส มูลค่า 2,000 บาท รวม 50 รางวัล เมื่อลงทุนตามเงื่อนไข โดยการลงทุนต่อเนื่องทุกเดือน ก็จะยิ่งมีสิทธิ์ลุ้นมากกว่าใคร รวมทั้งสามารถสะสมสิทธิ์สูงสุดได้ถึง 4 ครั้งอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี บลจ.บัวหลวง อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจลงทุนด้วยหลากหลายช่องทางการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น สาขาธนาคารกรุงเทพ บัวหลวงไอแบงก์กิ้ง ธนาคารทางอินเทอร์เน็ต บัวหลวงATM บัวหลวงโฟน โทร.1333 บล.บัวหลวง และบลจ.บัวหลวง รวมไปถึงบริการซื้อหน่วยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ด้วยการหักบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติเป็นประจำทุกเดือน อย่างไรก็ดี ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการรับสิทธิ์ หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่สาขาธนาคารกรุงเทพ หรือ โทร.1333 หรือ บลจ.บัวหลวง จำกัด โทร. 0 2674 6488 กด 8
กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี เป็นกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปที่จัดตั้งมานาน 5 ปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2548 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยมีความผันผวนต่ำ รวมทั้งมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ณ วันที่ 23 มีนาคม 2553 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนอยู่ที่ 70,695 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยอยู่ที่ 11.4410 บาทต่อหน่วยฯ สำหรับผลตอบแทนของกองทุน ณ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่0.79% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 0.87% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 0.92% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 2.29% ต่อปี และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 2.88% ต่อปี ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 0.50% ต่อปี และเกณฑ์มาตรฐานกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนที่คำนวณจาก ค่าเฉลี่ยของ ThaiBMA Government Bond Index และ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี วงเงิน 1 ล้านบาท เฉลี่ยของ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์อยู่ที่ 5.03% ต่อปี 2.02% ต่อปี 1.97% ต่อปี 4.14% ต่อปี และ 4.23% ต่อปี สำหรับช่วงเวลาลงทุนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนตามลำดับ