กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--พม.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ร่วมกับสถาบันการศึกษา ๗ แห่ง จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในการประสานความร่วมมือด้านนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อประโยชน์ต่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในวันที่ ๒๙ มี.ค.๕๓ ณ โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ กรุงเทพฯ
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.๒๕๕๐ ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในประเทศไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำงานมุ่งส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ร่วมกับกับสถาบันการศึกษาทั้ง ๗ แห่ง ประกอบด้วย คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อประสานการทำงานร่วมกันในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ภายใต้บันทึกความร่วมมือดังกล่าว สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ กับสถาบันการศึกษาทั้ง ๗ แห่ง จะร่วมกันบูรณาการและประสานความร่วมมือในการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของประเทศไทย รวมถึงศึกษา วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรของคณะในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต การพัฒนาศักยภาพ และการคุ้มครองสิทธิคนพิการ ให้ครอบคลุมประเด็นด้านคนพิการ ตลอดจนสนับสนุนให้นักศึกษาพิการ มีโอกาสได้เข้ารับศึกษาในหลักสูตรของสถาบัน รวมทั้งการจัดให้มีศูนย์หรือหน่วยงานที่ให้บริการสนับสนุนนักศึกษาพิการ (Disability Support Service: DSS) และร่วมดำเนินการเสริมสร้างเจตคติเชิงสร้างสรรค์ต่อคนพิการและความพิการแก่นักศึกษา รวมถึงร่วมจัดประชุมทางวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ
“บันทึกความร่วมมือทางวิชาการนี้ มีผลบังคับใช้ ๓ ปี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓-๒๕๕๕ และสามารถขยายเวลาหรือปรับปรุงแก้ไขได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านคนพิการในเชิงวิชาการอย่างเป็นระบบของประเทศไทย เพื่อให้คนพิการได้รับการส่งเสริมศักยภาพ ได้รับการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันในสังคม” นายอิสสระ กล่าว