กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--วว.
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องดื่มจากผักพื้นบ้าน : น้ำผักเชียงดา และ น้ำผักหวานบ้าน อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ให้พลังงานต่ำ ผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบความคงตัว การประเมินความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และความพึงพอใจของผู้บริโภค พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคเอกชนผลิตในเชิงพาณิชย์
นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. ชี้แจงว่า ฝ่ายเทคโนโลยีอาหารและฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ร่วมกันดำเนินงานวิจัยโครงการ “วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพจากสารต้านอนุมูลอิสระจากผักพื้นบ้าน” โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขณะนี้ วว. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องดื่มผักพื้นบ้านจากผักเชียงดาและผักหวานบ้าน ซึ่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเกิดเบาหวาน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังให้แคลอรี่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันที่จำหน่ายในท้องตลาด นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
“... วว. เริ่มดำเนินการวิจัยดังกล่าวในปี พ.ศ.2550 - 2552 รวมทั้งสิ้น 3 ปี โดยศึกษาอย่างครบวงจร นับตั้งแต่ศึกษาสรรพคุณที่มีต่อสุขภาพของผักเชียงดาซึ่งเป็นผักพื้นบ้านจากภาคเหนือ และผักหวานบ้านที่พบทั่วไปในประเทศ รวมทั้งได้พัฒนาสูตรและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อความสะดวกของผู้บริโภค ตลอดจนตรวจสอบคุณภาพทั้งทางกายภาพและชีวภาพ ทั้งนี้ วว. พร้อมที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเครื่องดื่มจากผักพื้นบ้านให้แก่ภาคเอกชนที่สนใจนำไปผลิตในเชิงพาณิชย์ นับเป็นการสร้างทางเลือกใหม่สำหรับการบริโภคผักพื้นบ้านของไทย....” ผู้ว่าการ วว.กล่าวเพิ่มเติม
ดร.ประไพภัทร คลังทรัพย์ นักวิชาการประจำฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ชี้แจงเพิ่มเติมถึงผลการศึกษาวิจัยสรรพคุณที่มีต่อสุขภาพของผักเชียงดาและผักหวานบ้าน ว่า ผักทั้ง 2 ชนิด มีสารผัก (phytonutrient) ที่สำคัญในกลุ่มฟลาโวนอยด์และฟีนอลิก ซึ่งพิสูจน์ฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ โดยสามารถปกป้องสารพันธุกรรม (DNA) และเซลล์จากการทำลายด้วยอนุมูลอิสระ (free radical) ชนิดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และอนุมูลซุปเปอร์ออกไซด์ มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นที่ผนังเซลล์ที่ทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง มีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด และสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ เมื่อทดสอบในสัตว์ทดลองที่กระตุ้นให้เกิดภาวะเบาหวาน
นางวิมลศรี พรรธนประเทศ นักวิชาการประจำฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร กล่าวถึงการพัฒนาสูตรและรูปแบบของเครี่องดื่มน้ำผักพื้นบ้านเพื่อความสะดวกในการบริโภคว่า ได้พัฒนาน้ำผักเชียงดาและผักหวานบ้าน ชนิดละ 2 สูตร คือ สูตรธรรมชาติและสูตรน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้สารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล จึงให้พลังงานเพียง 15 กิโลแคลลอรี่ต่อหน่วยบริโภค (220 มิลลิลิตร) และมีปริมาณโซเดียมต่ำเพียง 10 มิลลิกรัมเมื่อเทียบผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในท้องตลาดที่ให้พลังงานระหว่าง 45-70 กิโลแคลอรี่ และมีเกลือโซเดียมระหว่าง 20-55 มิลลิกรัม นับว่าเครื่องดื่มน้ำผักดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้รักสุขภาพที่ต้องการเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและจำกัดพลังงานที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร และฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โทร. 0 2577 9122 หรือ Call Center วว. โทร. 0 2579 3000 ในวันและเวลาราชการ www.tistr.or.th