ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิต “บ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์” และหุ้นกู้เป็นระดับ “A-/Stable” จากเดิม “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday January 23, 2007 08:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (HPRO083A, HPRO093A) ของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-” จาก “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอันเป็นผลจากความสำเร็จของกลยุทธ์ในการขยายสาขาเพื่อให้องค์กรมีขนาดใหญ่เพียงพอและมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตลอดจนตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่ลดลงและการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จะยังคงดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน โดยคาดว่าบริษัทจะยังคงพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและจะสามารถรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา การชะลอตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลทำให้ยอดขายสำหรับลูกค้าบ้านใหม่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปสงค์เพื่อการซ่อมแซมและตกแต่งบ้านเก่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ณ เดือนธันวาคม 2549 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 26 แห่ง โดยตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 11 แห่ง บริษัทมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านมากกว่า 60,000 รายการซึ่งแบ่งตามประเภทสินค้าออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและโคมไฟ และสินค้าตกแต่งบ้าน บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายสาขาโดยมีการเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 2-3 สาขาต่อปี การที่ผู้บริโภคหันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีโอกาสขยายสาขาแทนที่ร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยังส่งผลให้บริษัทขยายธุรกิจสู่ตลาดสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่ลูกค้าสามารถประกอบและติดตั้งด้วยตนเอง (Do-it-yourself) มากขึ้น การที่บริษัทมีจำนวนสาขามากขึ้นทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองและบริหารการจัดซื้อสินค้าได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 9%-10% เอาไว้ได้แม้สภาวะตลาดโดยรวมจะชะลอตัวลงก็ตาม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ มียอดขายรวม 10,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปี 2548 อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากสาขาเดิมกลับลดลง 1% จากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยและการเพิ่มขึ้นของอัตราการแย่งส่วนแบ่งตลาดระหว่างสาขาเดิมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น แม้ว่าสาขาต่างจังหวัดจะมียอดขายที่ต่ำกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างตลาดใหม่และลดผลกระทบจากการแย่งส่วนแบ่งตลาดกันเอง ในปี 2549 บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวสาขาใหม่ภายใต้รูปแบบ “โฮมโปรวิลเลจ” ซึ่งมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าขนาดใหญ่ที่บางนาและหัวหิน ทั้งนี้ คาดว่าพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าขนาด 48,200 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากทั้ง 2 สาขาจะทำให้บริษัทมีรายได้ค่าเช่าอย่างสม่ำเสมอประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี
ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 62% ณ เดือนกันยายน 2549 แต่ก็คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นภายหลังการเพิ่มทุน 955 ล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคม 2549 นอกจากนี้ บริษัทยังมีสภาพคล่องที่ดีจากการที่บริษัทได้รับเครดิตจากผู้จัดจำหน่ายเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งสืบเนื่องจากเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและส่งผลลบต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจศูนย์ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเพื่อที่อยู่อาศัยมีกลุ่มลูกค้าตลาดบ้านเก่าซึ่งมีกำลังซื้อสินค้าเพื่อการซ่อมแซมและตกแต่งบ้านที่สามารถทดแทนการชะลอตัวของตลาดลูกค้าบ้านใหม่ได้บางส่วน ทริสเรทติ้งกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ