กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
มาสเตอร์คูล ปลื้มยังคงครองความเป็นเบอร์หนึ่งด้านธุรกิจทำความเย็นภายนอกอาคาร ปี 2550 เดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิด Hub กลางเมืองดูไบ หวังกระจายความเย็นสู่พื้นที่เขตร้อนตะวันออกกลาง ตั้งเป้าโกยกว่า 165 ล้านบาท
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจพัดลมไอน้ำของเมืองไทย เปิดเผยว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา “มาสเตอร์คูล” เดินหน้าสร้างแบรนด์จนเป็นที่ยอมรับทั้งในและนอกประเทศถึงความเป็นเบอร์หนึ่งด้านธุรกิจทำความเย็นภายนอกอาคาร ด้วยปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้งด้านศักยภาพและคุณภาพของสินค้า, ประสิทธิภาพด้านบริการ และการง่ายในการเข้าถึงด้วยกลยุทธ์การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมาสเตอร์คูลมีสาขาในประเทศรวม 65 สาขา และสาขาในต่างประเทศ 35 สาขา ซึ่งภายหลังจากประสบความสำเร็จในเมืองไทย มาสเตอร์คูลก็ได้พยายามสร้างแบรนด์สินค้าไทยให้เป็นที่ยอมในระดับนานาชาติ ซึ่งปี 2549 เป็นปีที่เราบุกขยายสาขาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดสาขามาสเตอร์คูลประจำตะวันออกกลางที่ประเทศดูไบเป็นผลสำเร็จ ซึ่งมาสเตอร์คูลประเทศไทย เป็นผู้ลงทุน 100% โดยวางแผนผลักดันให้กลายเป็น Hub ของธุรกิจทำความเย็นภายนอกอาคารในเขตตะวันออกกลาง ซึ่งมีความต้องการของตลาดสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก ณ ปัจจุบัน
“สำหรับตลาดในต่างประเทศนั้น มาสเตอร์คูล เน้นการขยายตลาดระหว่างประเทศภายใต้แบรนด์ “มาสเตอร์คูล” เป็นหลัก อีกทั้งเรื่องคุณภาพสินค้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ปัจจุบันมาสเตอร์คูลได้มาตรฐานสากลอย่างเช่น CE, SASO และ SAA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศยอมรับและไว้ใจเราในเรื่องมาตรฐานคุณภาพสากล, การใส่ใจด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค และทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และทั้ง 3 ปัจจัยนี้ คือ ปัจจัยหลักที่ตลาดต่างประเทศให้ความสนใจในการเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ดีกับมาสเตอร์คูล ทั่วโลกยังมีอีกหลายตลาดที่กำลังคึกคัก อย่างเช่น ตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจที่ดีมาก เนื่องจากปัจจัยหลักของตลาดนี้ คือ การส่งออกน้ำมันและผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง อีกทั้งยังเป็นตลาดที่ธุรกิจไทยหลายประเภทกำลังจับจ้องที่จะเข้าไปทำธุรกิจกัน ล่าสุดมาสเตอร์คูลได้ขยายธุรกิจไปเปิดตลาดในเขตตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการทำธุรกิจระหว่างประเทศของระบบปรับอากาศภายนอกอาคารภายใต้แบรนด์มาสเตอร์คูลโดยมีนโยบายหลักในการสนับสนุนและผลักดันยอดขายให้แก่ตัวแทนจำหน่ายระหว่างประเทศของเราให้เป็นไปได้ด้วยดี เช่น การสนับสนุนการขาย (Marketing Support) และการสนับสนุน Activity ต่าง ๆ ให้กับพันธมิตรทางการค้ามาสเตอร์คูล และงานประชุม Dealer ต่าง ๆ อีกทั้ง ให้การอบรมทางด้านเทคนิค ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการที่ดีด้วย เป็นต้น ทั้งหมดนี้เราก็สนับสนุนและเข้าร่วมกิจกรรมกับประเทศต่าง ๆ อย่างจริงจัง และต่างประเทศเองต่างยอมรับว่าตลาดระบบปรับอากาศภายนอกอาคารนั้น เป็นตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหม่ล่าสุดสำหรับประเทศต่าง ๆ ซึ่งทั้งนี้มาสเตอร์คูลของประเทศไทย เป็นผู้บุกเบิกตลาดและเป็นผู้กระตุ้นตลาดนี้เป็นรายแรกอย่างจริงจัง ถึงแม้จะมีคู่แข่งในต่างประเทศก็ตาม แต่มาสเตอร์คูลถือเป็น Active Brand ที่มีความเคลื่อนไหวตลอดในตลาดระหว่างประเทศ นี่คือ จุดแข็งของ Brand “มาสเตอร์คูล” ที่ไปตีตลาดในต่างประเทศได้อย่างงดงาม ซึ่ง 90% ของเขตตะวันออก แบรนด์มาสเตอร์คูล สามารถครองความเป็นหนึ่งในตลาดเขตนี้” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงนโยบายในการรุกตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากพิจารณาความเคลื่อนไหวของ “มาสเตอร์คูล” ด้านตลาดภายในประเทศ พบว่า ณ ปัจจุบัน มาสเตอร์คูลยังคงครองความเป็นเบอร์ 1 ด้านธุรกิจปรับอากาศภายนอกอาคารด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 95% “มาสเตอร์คูลถือเป็นเบอร์ 1 ของตลาดมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ตลาดในประเทศมีความต้องการเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 30% ถึงแม้จะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ประมาณปีละ 5-10 ราย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคู่แข่งจากลาวงการธุรกิจนี้ไปพร้อม ๆ กันในแต่ละปี เพราะสู้เรื่องคุณภาพสินค้าและต้นทุนในงานบริการไม่ไหว ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาสเตอร์คูลทราบดี เพราะต้องบริหารงานอย่างรอบคอบมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพยายามหาวิธีลดต้นทุนสินค้าให้แก่ตลาด แต่ไม่ลดคุณภาพมาตรฐานของสินค้าลง ซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการตอบแทนผู้บริโภคที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์มาสเตอร์คูล และเป็นการรักษามาตรฐานสินค้าให้อยู่ในระดับสากล มาตลอดเกือบ 5 ปี ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ปีที่ผ่านมามาสเตอร์คูลได้รับการตอบรับที่ดีจากวงการอุตสาหกรรมมากมาย เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมหนักอีกหลายประเภท เพราะลูกค้าอุตสาหกรรมโดยส่วนใหญ่ต่างเริ่มมั่นใจในการใช้งานมาสเตอร์คูลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งต้องการติดตั้งระบบควบคุมความชื้นไว้ภายในไลน์ผลิต เพราะระบบพ่นไอหมอกมาสเตอร์คูลจะเข้าไปช่วยเพิ่มผลผลิตได้ดี ซึ่งจะทำให้เส้นด้ายไม่ขาดตัวง่ายเวลาทำการผลิต แม้แต่อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายแห่งยังให้ความไว้วางใจในพัดลมไอน้ำมาสเตอร์คูล เพื่อการคลายร้อนในไลน์ผลิต อีกทั้งยังมีสถานบริการชั้นนำที่ยังให้ความสำคัญกับการคลายร้อนให้แก่ลูกค้า เช่น โรงแรมชั้นนำใหญ่ ๆ และร้านอาหารชื่อดังอีกหลายแห่งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่กังวลต่อการเปียก-ชื้น เพราะเข้าใจระบบการทำงานของมาสเตอร์คูลเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศในปัจจุบันเริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากขึ้นทุกวัน เหตุนี้สถานบริการชั้นนำต่าง ๆ จึงเริ่มหันมาติดตั้งระบบปรับอากาศภายนอกอาคารมาสเตอร์คูลในปี 2549 เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้มาสเตอร์คูลสามารถประเมินได้ว่า ปี 2550 ตลาดอุตสาหกรรมและสถานบริการชั้นนำในเมืองไทย ต่างยังมีความต้องการที่จะใช้งานระบบปรับอากาศภายนอกอาคารเพิ่มมากขึ้นอีก” นายนพชัย วีระมาน กล่าว
ด้านการตั้งเป้ายอดขายของมาสเตอร์คูลในปี 2550 นั้น นายนพชัย วีระมานกล่าวเสริมว่า “ในปีนี้ เราคาดการณ์ยอดขายไว้ 165 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ภายในประเทศประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา 10% และรายได้จากการเปิดตลาดในต่างประเทศประมาณ 45 ล้านบาท เฉลี่ยเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 60% และจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อครองความเป็นหนึ่งของตลาด”
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net