กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--สหมงคลฟิล์ม
กว่า 20 ปีแห่งสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของ2แอ็คชั่นฮีโร่เบอร์ 1 เมืองไทยในฐานะศิษย์ร่วมสำนักแถมยังมีพันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์แอ็คชั่นคิวบู๊คนเดียวกัน หลังจากต่างฝ่ายต่างแจ้งเกิดและประสบความสำเร็จในโลกแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่น ในที่สุดฝันของ เดี่ยว-ชูพงษ์ ช่างปรุงพระเอกแอ็คชั่นสตั้นท์เสี่ยงตายที่แจ้งเกิดจาก “เกิดมาลุย, คนไฟบิน” ก็กลายเป็นจริง เมื่อรุ่นพี่ที่เป็นดั่งฮีโร่ในดวงใจอย่างจา พนมประกาศเจตนารมย์ชัดเจนว่าต้องการเดี่ยวมาร่วมกันสร้างปรากฎการณ์ความยิ่งใหญ่ให้ประวัติศาสตร์ของโลกภาพยนตร์แอ็คชั่นต้องจารึกกับ “องค์บาก3” ทำเอาเจ้าตัวดีใจสุดๆ เมื่อรุ่นพี่อย่างโทนี่ จาส่งเทียบเชิญมายังน้องรัก และยีนยันว่าบทคู่ปรับพระเอกจะเป็นใครไม่ได้ต้องเดี่ยวคนเดียวเท่านั้น
“ก็ตอนแรกนะครับที่รู้ว่าพี่จาติดต่อมาว่าอยากให้เรามาร่วมงานกัน มาเจอกันสักเรื่องหนึ่งเถอะ มันเหมือนว่าบางอย่างแว๊บเข้ามาในสมองของเรา ความคิดของเราเลยว่า เป็นโอกาสทองที่จะได้สัมผัสกับศิษย์พี่คนนี้ที่เรารู้จักและก็ศรัทธาเขามานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝีมือแล้วก็ทุกๆ อย่าง คือพี่เขาเป็นแบบอย่างของผมมาตลอด แล้วการที่ได้มาเจอกันครั้งนี้ทำให้ผมภูมิใจมากๆครับ ดีใจมากๆ เพราะที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสต่อสู้กับอาจารย์ด้วย คือพี่พันนาใน “คนไฟบิน” แต่พอมา “องค์บาก2-3” เจอศิษย์พี่อีก มันมีความภาคภูมิใจมากครับที่ได้ทำงานร่วมกับระดับปรมาจารย์แอ็คชั่นเมืองไทย เพราะผมคิดว่าคนที่เป็นนักแสดงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาในสายของแอ็คชั่นพูดได้ว่าทุกคนล้วนอยากทำงานร่วมกับโทนี่ จา กับพี่พันนา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันเป็นเหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง”
และใน “องค์บาก3” เดี่ยว ชูพงษ์ยืนยันว่าแฟนๆ จะได้พบกับคิวบู๊ที่มันส์สะใจอย่างแน่นอน เพื่อให้สมกับเป็นการกลับมาร่วมกันปิดตำนานโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ที่คนทั้งโลกรอคอย หลังจากที่เดี่ยวชูพงษ์โผล่มาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการล้มตัวละครเทียนที่รับบทโดยจา พนมด้วยฉากแอ็คชั่นช็อคโลกที่สร้างความตื่นตะลึงและถึงกับทำให้ทุกคนที่ได้ชมอ้าปากค้างกับดีไซน์ของคิวแอ็คชั่นที่ปรากฎขึ้นในช่วงท้ายของภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 มาแล้ว
“สำหรับการมาเจอกันกับพี่จา ก็เหมือนการมาเจอกันระหว่างศิษย์พี่กับศิษย์น้องครับ คือต้องมาแบบแอ็คชั่นกัน ผมคิดว่าหลายๆ คนที่ติดตามอาจจะอยากเห็น ก็เหมือนที่หลายๆ คนรอดูเจ็ท ลีกับเฉินหลงมาเจอกันซึ่งคนทั้งโลกก็อยากจะดูมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งหลังจากครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสดีๆแบบนี้อีกหรือเปล่า อย่างในองค์บากภาค2 ที่ผมกับพี่จาได้มาเจอกัน เพียงแว๊บเดียวจริงๆ ไม่เกิน5 นาที แต่ก็ใช้เวลาในการถ่ายทำฉากนั้นฉากเดียวเป็นเดือนๆ เพราะฉะนั้นในองค์บาก3 ภาคนี้เราทั้งคู่ก็จะใส่กันเต็มแม็กซ์แน่ๆ คือไม่อยากทำให้คอแอ็คชั่นต้องผิดหวังในการรอคอยครั้งนี้ครับ”
และการเผชิญหน้ากันครั้งนี้นอกจากความมันส์ที่ทวีคูณแล้วยังสะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของศิษย์พี่ศิษย์น้องคู่นี้ที่มีมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษจนพูดได้ว่าต่างเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดแอ็คชั่นเดียวกันเลยทีเดียว
“สำหรับผมกับพี่จารู้จักกันมาเกือบจะ 20 ปีแล้วครับก็คือตั้งแต่สมัยผมยังเรียนอยู่ปวช. จนตอนนี้เรียนจบปริญญาตรีมาก็ประมาณเกือบ 6-7 ปีแล้ว ก็คือเมื่อก่อนอยู่ด้วยกันกับพี่เขามาตลอด แล้วก็ฝึกซ้อมกับพี่เขา ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเราเริ่มต้นกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จับกลุ่มกันตั้งเป็นชมรมแล้วก็รับงานต่างๆ โชว์สตั๊นแมนแล้วก็ฟันดาบก่อนที่จะเข้ามาทำงานในภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัว คือตั้งแต่เรียนจบมา พี่จาเขาก็ดึงให้เรามาช่วยงานเป็นสตั๊นท์ในทีมมวยไทยสตั๊น แล้วพอเริ่มต้นงานแอ็คชั่นในภาพยนตร์ ก็ได้มาทำกับพี่จาด้วย ทำให้เรามีประสบการณ์ในเรื่องของงานแอ็คชั่นมากยิ่งขึ้น จนมาถึงวันนี้เราทำงานในสายแอ็คชั่นมาประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว ทำให้รู้สึกว่า เอาละถึงเวลาที่เราจะได้ทำงานร่วมกับพี่จาแบบเต็มๆ ตัวแล้ว”
โดยงานนี้ตัวเดี่ยว ชูพงษ์ เองเคี่ยวเข็ญตัวเองรวมทั้งทำการบ้านและฝึกซ้อมอย่างหนัก “พอรู้ว่าต้องเจอกับพี่จา ผมก็ต้องเตรียมตัวหนักมาก เพราะว่าเราต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้แล้วคิวบู๊แอ็คชั่นของภาค3 พี่จา พี่พันนาวางไว้ว่าการเจอกันครั้งนี้ต้องสู้กันเต็มที่ให้ถึงขีดสุด เพราะฉะนั้นตัวผมเองก็ต้องฟิตเยอะขึ้นจากทุกที ให้เวลากับการซ้อมให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก จากแต่ก่อน 4 ชั่วโมงก็อาจจะเพิ่มเข้ามาเป็น 5-6 ชั่วโมง ก็ให้เวลาในเรื่องของฟิตเนตด้วย ฟิตเนตเกี่ยวกับร่างกายที่ต้องมีการเพิ่มกล้ามเนื้อมากขึ้น ลดไขมันออกไป อย่างกล้ามเนื้อหน้าท้องเราก็ต้องทำ ซึ่งตัวพี่จาเองกำชับมาว่าเรื่องนี้ต้องมีฉากที่ต้องถอดเสื้อตอนอยู่ในปราสาท เราก็ต้องทำให้ร่างกายเฟิร์มที่สุดครับผม ต้องเตรียมพร้อมความฟิตให้ร่างกาย อย่างตอนที่มาทำเรื่องนี้ ผมลดน้ำหนักเลย แล้วก็มีเล่นเวต เล่นอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นมา มีวิ่งเกือบทั้งวัน ส่งผลให้ในส่วนของบอดี้เปลี่ยนไปด้วย อย่างเมื่อก่อนตัวจะแบบท้วมๆ หน่อยครับ ก็เลยต้องลดลงเพื่อให้ผอมๆ เหมือนอีกา และด้วยคาแรคเตอร์อีกาของเราที่ต้องเน้นในเรื่องของความคล่องแคล่ว คล่องตัว อาศัยความรวดเร็วในการเข้าทำ ในการต่อสู้ แล้วก็ฉากกลับ จึงต้องมีการเน้นเรื่องสรีระและความคล่องตัวมากๆครับผม”
เตรียมพบกับ “องค์บาก3” ความมันส์หยุดโลกของการเผชิญหน้ากันระหว่าง เดี่ยว ชูพงษ์และจา พนม 2 แอ็คชั่นเบอร์1ของเมืองไทย ที่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นครั้งเดียวที่เหล่าสาวกแอ็คชั่นจะได้สัมผัส กับการปิดตำนานที่คนทั้งโลกรอคอย 5 พ.ค.นี้ทุกโรงภาพยนตร์