ขับขี่ปลอดภัยในสภาพอากาศแปรปรวน

ข่าวทั่วไป Tuesday January 30, 2007 10:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--ปภ.
ในช่วงนี้สภาพอากาศของประเทศไทย มีอากาศเย็นระลอกใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า และมีหมอกหนา
ในบางพื้นที่ และในหลายพี้นที่ทางภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นมาจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนตกเป็นแห่งๆ ซึ่งจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนนี้เอง อาจสร้างความลำบากและอันตรายให้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะและผู้ที่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี จึงเสี่ยงมากต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอแนะนำถึงวิธีการขับรถ
ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายและแปรปรวนดังกล่าว สามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ดังนี้
1. เส้นทางที่มีหมอกหนา
เมื่อต้องขับผ่านเส้นทางที่มีหมอกหนา ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ผู้ขับรถต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ จึงควรปฏิบัติดังนี้ ให้เปิดไฟหน้ารถขณะขับขี่ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถอยู่ในพื้นที่ที่มีหมอกมาก ควรติดตั้งไฟตัดหมอก ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น แต่ควรเปิดใช้ในช่วงที่มีหมอกลงจัดและยามจำเป็นเท่านั้น ควรขับรถให้ช้าลงและรักษาระยะห่างให้อยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นไฟของรถคันหน้าได้ รวมทั้งไม่ขับรถใกล้คันหน้าให้มากเกินไป ไม่แซงหรือเปลี่ยนช่องทางหรือหยุดรถกะทันหันอย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากต้องจอดรถให้จอดพ้นทางเดินรถให้มากที่สุด หากมีหมอกลงหนาทึบมากจนไม่สามารถขับรถต่อไปได้ ควรจอดรถชิดไหล่ทางข้างในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น สถานบริการน้ำมันทันที และรอจนกว่าหมอกจะบางลงจึงขับต่อไป
2. การขับรถในขณะฝนตก
ในขณะฝนตกหรือหลังฝนเพิ่งหยุด ถนนจะลื่นมาก ผู้ขับรถควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรชะลอความเร็วรถให้ช้าลงกว่าปกติ ยิ่งเป็นทางโค้งต้องระมัดระวังและลดความเร็วลงไปอีก และควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้ห่างมากกว่าขณะขับรถบนถนนแห้ง เพื่อป้องกันการเบรกบนถนนเปียก ซึ่งอาจทำให้รถลื่นไถลและต้องใช้ระยะหยุดมากกว่าปกติ ควรเบรกอย่างนิ่มนวลและระมัดระวัง ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัวและลื่นไถลออกนอกเส้นทางได้ง่าย ผู้ขับรถควรเลือกใช้รองเท้าที่รัดกุมและไม่ควรใส่รองเท้าที่ไม่มีดอกยางเหยียบเบรกในกรณีฉุกเฉิน เพราะจะทำให้รองเท้าลื่นออกจาก
แป้นเหยียบเบรก....
แป้นเหยียบเบรกก่อให้เกิดอันตรายได้ และห้ามเปิดไฟสูงอย่างเด็ดขาด เพราะแสงจะสะท้อนกับน้ำฝน ทำให้คนขับรถสวนมาตาพร่ามัว ควรเช็ดล้างทำความสะอาดกระจกรถ เพื่อให้สามารถมองทัศนวิสัยโดยรอบได้อย่างชัดเจน
3. การขับรถลุยน้ำ
หลังจากฝนตกแล้ว มักพบว่าถนนหลายสายมีน้ำท่วมขัง ผู้ขับรถจึงควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ และควรเหยียบเบรกเป็นครั้งคราวเพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรกและระบบเบรก เพราะจะทำให้การทำงานของระบบเบรกเข้าสู่สภาพเดิม เมื่อเปลี่ยนเกียร์รถยนต์ควรทำให้สมดุลย์กับจังหวะระหว่างคลัตซ์กับเหยียบคันเร่ง เพื่อเป็นการรักษาระบบฟันเฟืองเครื่องยนต์อีกด้วย อย่าเลี้ยงคลัตช์เพราะอาจทำให้คลัตซ์ลื่นได้ง่าย ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น ท่อหรือสายยางเส้นใหญ่ๆ ไว้สำหรับ ครอบปลายท่อไอเสียและยกขึ้นให้เหนือน้ำ เพื่อป้องกันมิให้ท่อไอเสียจมน้ำ ที่สำคัญควรศึกษาเส้นทางที่ต้องขับลุยน้ำให้ดี หากไม่ชำนาญเส้นทางควรให้ผู้ที่ชำนาญมากกว่าเป็นผู้ขับรถแทน เพราะอาจขับตกลงไปในหลุม หรือคูน้ำข้างทางได้
4. ลมแรงจัด
เมื่อต้องเผชิญกับลมแรงจัด ควรตั้งสติให้มั่น อย่าตื่นตระหนกตกใจ พยายามลดความเร็วโดยปล่อยให้เท้าออกจากคันเร่งอย่างช้าๆ และเพิ่มความระมัดระวังในการประคองพวงมาลัย เมื่อต้องผ่านเส้นทางและสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในเวลาลมพัดแรงจัด เช่น บนสะพาน หุบเขา ปากทางเข้า-ออกอุโมงค์ เป็นต้น และควรลดความเร็วลงล่วงหน้าพร้อมกับจับพวงมาลัยให้มั่นคง ก็จะทำให้สามารถขับผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัย
สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับรถได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดก็ตาม คือ การเตรียมความพร้อมของผู้ขับรถ และการเตรียมสภาพรถให้พร้อม โดยผู้ขับรถควรตรวจสอบสภาพรถ ทั้งสัญญาณไฟ พวงมาลัย ระบบบังคับเลี้ยว และระบบเบรคต้องใช้งานได้ดีหากเกิดภาวะฉุกเฉินขึ้น ยางรถยนต์ควรมีดอกยางเพื่อให้สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างปลอดภัย ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ หม้อน้ำ น้ำล้างกระจก ที่ปัดน้ำฝน น้ำมันเครื่อง ระบบแตร และควรจัดเตรียมอุปกรณ์ซ่อมแซมรถไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น แม่แรง สายไฟสำหรับพ่วงแบตเตอรี่ และเชือกสลิงค์ลากรถติดไปด้วยหากพบว่ามีส่วนใดชำรุดควรรีบซ่อมแซมแก้ไขทันที และผู้ขับขี่ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยก่อนขับรถควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทานยาที่ทำให้ง่วงนอน และไม่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะการขับรถในภาวะที่ขาดสติอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ ไม่ขับขี่รถด้วยความเร็วสูง และขับรถด้วยความไม่ประมาท รวมทั้งปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
สุดท้ายนี้ นอกจากผู้ขับรถจะเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถแล้ว ก็ควรศึกษาเรียนรู้ถึงวิธีการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ด้วยความปราถนาดีจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ