กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--รี้ด เทรดเด็กซ์
BOI ต่อยอดความแรงของ ECO Car เดินหน้าจัดกิจกรรมผลักดันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเติบโต เอกชนร่วมผนึกกำลัง เปิดเวทีระดับชาติ เพื่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หน้าใหม่หน้าเก่าเปิดตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมในงาน Industrial Components & Subcontracting 2010 ซึ่งจัดพร้อมกับงานมหกรรมเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนพร้อมจัดกิจกรรมกระตุ้นและให้ความรู้มากมาย เตรียมดึงค่ายรถพบผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทุกฝ่ายเชื่อมั่นผู้ประกอบการไทยมีความพร้อม แต่ควรเร่งเครื่องยกระดับศักยภาพการผลิต และพัฒนาบุคลากรเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BUILD) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยในงานล้อมวงสนทนาว่า สืบเนื่องจากความพยายามของภาครัฐและทุกภาคส่วนในการร่วมกันผลักดันเรื่องของ ECO Car จนวันนี้เรียกได้ว่าเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วนั้นซึ่งแน่นอนว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจะได้รับประโยชน์ตรงนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เบื้องต้นในช่วงทดลอง ชิ้นส่วนของ ECO Car ส่วนใหญ่ยังมาจากญี่ปุ่น แต่นั่นคือโอกาสที่เปิดกว้าง ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยต้องเข้าไปดูให้รู้ว่าจะตอบสนองความต้องการตรงนี้ได้อย่างไร แล้วเร่งเครื่องเต็มที่ ดังนั้น BOI จึงต่อยอดเรื่องของ ECO Car ด้วยการเดินหน้าจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะกระตุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยให้เร่งเครื่องฉกฉวยโอกาสในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น Industrial Components & Subcontracting ซึ่งจัดกลางปี และงาน METALEX ซึ่งจัดปลายปี เป็นช่องทางสร้างเครือข่าย และขยายตลาดสู่ตลาดระดับอาเซียน
นายวิโรจน์ ศิริธนาศาสตร์ รองประธานสมาพันธ์สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุน และนายกสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย กล่าวว่า บทบาทของภาครัฐในการร่วมผลักดันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้น และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฯ ให้เติบโต ซึ่งในฐานะประธานสมาพันธ์ และเป็นผู้ประกอบการเองคิดว่าผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมของไทยเอง ถือว่ามีความพร้อมและความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เพียงแต่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิต รวมถึงการพัฒนาบุคลากรอยู่ตลอดเพื่อรับมือกับ
ตลาดที่ไม่หยุดนิ่ง มีการอัพเดทเทรนด์เครื่องจักรและเทคโนโลยี และมองหาช่องทางในการขยายโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ ทั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีมากของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เมื่อเอกชนอย่างบริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ ก็ขานรับช่วยกันผลักดันอุตสหากรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการจัดงาน Industrial Components & Subcontracting 2010 ซึ่งจัดพร้อมกับงานใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาคอาเซียน ที่จัดเป็นประจำอยู่แล้วทุกปี ตรงนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และนักอุตสาหากรรมจึงมั่นใจได้ว่าจะเป็นเวทีคุณภาพที่แท้จริง
นางนิชาภา ยศวีร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อต่อยอดกระแสคสวามต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่สอดรับกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รี้ด เทรดเด็กซ์ในฐานะผู้นำการจัดงานมหกรรมเพื่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน วันนี้จึงได้เปิด Platform ระดับชาติ เพื่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หน้าใหม่และหน้าเก่าใช้เป็นเวทีในการเปิดตัวเข้าสู่อุตสาหกรรม คืองาน Industrial Components & Subcontracting 2010 งานแสดงชิ้นส่วน ส่วนประกอบอุตสาหกรรม เครื่องมือ โซลูชั่น และการรับเหมาช่วงการผลิต และการประชุมทางวิชาการนานาชาติ ซึ่งจะจัดพร้อมกับงานใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคอาเซียนในช่วงกลางปี คืองาน Manufacturing Expo และในช่วงปลายปีคือ งาน METALEX ที่สำคัญภายในงาน Industrial Components & Subcontracting 2010 เดือนมิถุนายนนี้ จัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายเพื่อร่วมกระตุ้น และชี้อากสทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และนักอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดแสดงรถผ่าซีก เพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนได้ความดูว่ามีโอกาสมากมายอยู่ในรถ 1 คัน
“งาน Industrial Components & Subcontracting 2010 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 — 27 มิถุนายน 2553 ณ ไบเทค บางนา พร้อมกันกับงาน Manufacturing Expo 2010 สุดยอดงานแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมอับดับ 1 ของภูมิภาค งานเดียวที่รวมเครื่องจักรและเทคโนโลยีล่าสุดเพื่ออุตสาหกรรมกรรมหลักของประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยงาน InterPlas Thailand งานเพื่ออุตสาหกรรมพลาสติกและยาง, งาน InterMold Thailand งานเพื่ออุตสาหกรรมแม่พิมพ์และการขึ้นรูป, งาน Automotive Manufacturing งานเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, งาน ASSEMBLY Technology งานเพื่ออุตสาหกรรมการผลิตอัตโนมัติ และอีกหนึ่งงานใหม่ Industrial Energy & Environment Asia งานแสดงเทคโนโลยีการจัดการพลังงานต่อเนื่องและสิ่งแวดล้อมในภาคการผลิต โดยทั้งหมดนี้จัดแสดงกว่า 1,300 แบรนด์ชั้นนำ จาก 25 ประเทศทั่วโลก และคาดว่าตลอด 4 วันของการจัดงานจะมีผู้ซื้อคุณภาพเข้าชมงานกว่า 35,000 คน” นางนิชาภากล่าว