ผลการบริหารจัดการหนี้สาธารณะภาครัฐ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 และรายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2553

ข่าวทั่วไป Wednesday April 7, 2010 13:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2553 ดังนี้ 1. การกู้เงินภาครัฐ ? เดือนกุมภาพันธ์ 2553 กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 20,000 ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2 ครั้ง จำนวน 15,000 ล้านบาท และ 25,000 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม1,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ? ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553 ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 215,902 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของกระทรวงการคลัง 180,572 ล้านบาทและของรัฐวิสาหกิจ 35,330 ล้านบาท 2. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ 2.1 เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ? หนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด จำนวน 15,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทำการ Roll Over วงเงินรวม 3,800 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม จำนวน 2,000 ล้านบาท และ 1,800 ล้านบาท ตามลำดับ 2.2 ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553 ? หนี้ในประเทศ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ วงเงินรวม 78,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 1) การแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล 23,000 ล้านบาท 2) การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด 30,000 ล้านบาท 3) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และ 4) การปรับโครงสร้างตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนด 15,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ประกอบกับรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 94,465 ล้านบาท 3. การชำระหนี้ภาครัฐ ? เดือนกุมภาพันธ์ 2553 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 17,266 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนเงินต้น 265 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 17,001 ล้านบาท ? ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553 กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 56,880 ล้านบาท รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2553 ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มกราคม 2553 มีจำนวน 4,001,841 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.23 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,643,728 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,093,441 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 190,037 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 74,635 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 34,360 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 55,602 ล้านบาท สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 4,842 ล้านบาท 8,397 ล้านบาท และ 8,003 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิ 55,602 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากรัฐบาลได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 39,000 ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 จำนวน 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือนพฤศจิกายน 2552 จำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งมีขั้นตอนการออกพันธบัตรไป ชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นและเงินในบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (FIDF1 และ FIDF3) ที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการปรับโครงสร้างหนี้ ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2552 — เดือนมกราคม 2553 โดยมีการทยอยออกพันธบัตร ในเดือนพฤศจิกายน 2552 จำนวน 8,000 ล้านบาท เดือนธันวาคม 2552 จำนวน 7,000 ล้านบาท และเดือนมกราคม 2553 จำนวน 15,000 ล้านบาท สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลงสุทธิ 4,482 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการลดลงของหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันในส่วนของหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงสุทธิ 8,397 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการลดลงของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน รายการที่สำคัญเกิดจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 19,180 ล้านบาท สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 8,003 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน หนี้สาธารณะ จำนวน 4,001,841 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 369,014 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.22 และหนี้ในประเทศ 3,632,827 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.78 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,746,313 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.61 และหนี้ระยะสั้น 255,528 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.39 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ