กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
การศึกษานับเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชนให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและสื่อการเรียนการสอนในปัจจุบันจะได้รับการพัฒนารุดหน้า หากแต่ยังมีโรงเรียนอีกมากมายที่ยังประสบปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การศึกษา อาคารเรียน และบุคคลากรครู รวมถึงโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย จึงมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือ และพัฒนาการศึกษาไทย ซึ่งการส่งเสริมการศึกษาถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของมูลนิธิฯ ด้วยตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนห้องสมุดที่มีคุณภาพ มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมมือกับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ริเริ่มโครงการนำร่อง”พัฒนาห้องสมุดโรงเรียนของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย” ขึ้น เพื่อจัดทำห้องสมุดของโรงเรียนนำร่องให้เป็นแหล่งส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่มีคุณภาพ
นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการผู้จัดการมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย กล่าวว่า “จากปัญหาการขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนของโรงเรียนในท้องที่ห่างไกล ทางมูลนิธิฮอนด้าฯ ได้ดำเนินการสำรวจปัญหาและความต้องการของโรงเรียนทั้งหมด 30 โรงเรียนทั่วประเทศ พบว่า ร้อยละ 93 มีความต้องการห้องสมุดโรงเรียนเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากห้องสมุดที่มีอยู่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาตรฐาน ขาดการวางระบบและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย (โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย) ร่วมกับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ จึงได้จัดทำโครงการนำร่อง “พัฒนาห้องสมุดโรงเรียนของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย” เพื่อยกระดับมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียนในต่างจังหวัดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนต่อไป”
ศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส เชาวลิต นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า “ห้องสมุดโรงเรียนที่ดี ควรมีการจัดระบบที่ได้มาตรฐาน มีการสืบค้นข้อมูลที่รวดเร็ว จัดหมวดหมู่หนังสือให้เหมาะสมกับช่วงวัย และมีบรรยากาศดีสะอาด ร่มรื่น เป็นต้น แต่ห้องสมุดโรงเรียนส่วนใหญ่ยังขาดหนังสือที่จำเป็นต่อการพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ บางเล่มมีสภาพเก่า ขาดการปรับปรุงข้อมูลและไม่เหมาะกับการใช้ศึกษาเรียนรู้ ดังนั้นการจัดระบบที่ดีจะส่งเสริมให้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนได้ดียิ่งขึ้น สำหรับโครงการนำร่องพัฒนาสมุดโรงเรียนของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย นั้น ทางสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ได้ประสานความร่วมมือกับชมรมห้องสมุดโรงเรียนเอกชน พร้อมด้วยห้องสมุดโรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ ห้องสมุดโรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ และสาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ และมีบุคคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกหนังสือและวางระบบห้องสมุดให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานห้องสมุดที่ดีต่อไป”
สำหรับโครงการนี้ มูลนิธิฯ ได้ร่วมกันคัดเลือกโรงเรียนที่ประสบปัญหาขาดแคลนห้องสมุดอย่างเร่งด่วน เพื่อพัฒนาให้เป็นห้องสมุดโรงเรียนต้นแบบในโครงการนำร่องปี 2553 จำนวน 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และโรงเรียนบ้านท่าตูม จังหวัดปราจีนบุรี และตั้งเป้าขยายโรงเรียนต้นแบบในปี 2554 อีก 2 โรงเรียน โดยมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยและสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ จะร่วมดำเนินการคัดเลือกหนังสือและวางระบบห้องสมุดให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานห้องสมุดที่ดี ด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้น 800,000 บาท พร้อมทั้งส่งเสริมการจัดกิจกรรม “ค่ายส่งเสริมรักการอ่าน” เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนและเสริมทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน รวมถึงปลูกฝังนิสัยรักการอ่านของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลักห้องสมุด 3 ดี โดยกระทรวงศึกษาธิการ
หนังสือดี สร้างสรรค์ปัญญา ตรงใจผู้อ่าน ไม่มีพิษภัย บรรยากาศดี อบอวลด้วยมิตรภาพ สะอาด ร่มรื่น ปลอดภัย และสะท้อนเอกลักษณ์ชุมชน บรรณารักษ์ดี บรรณารักษ์มีอัธยาศัย น้ำใจ ไมตรี มีใจบริการ เป็นมืออาชีพ ทันสมัย และส่งเสริมการเรียนรู้
มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย นำโดย นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน (นั่งขวา) กรรมการผู้จัดการมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย และศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส เชาวลิต (นั่งซ้าย) นายกสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการนำร่อง “พัฒนาห้องสมุดโรงเรียนของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย” จำนวน 2 โรงเรียนในปี 2553 ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และโรงเรียนบ้านท่าตูม จังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบประมาณ 400,000 บาท โดยมีนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (ที่ 2 จากขวา) นายประกิต ชุณหชา (ขวาสุด) ผู้แทนคณะผู้บริหารจากกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย และคณะกรรมการสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน