กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือฯ ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ซึ่งมีนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือฯ ได้มีมติขยายหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการที่จะใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกจากการเปิดเสรีทาง การค้า (FTA)ในกรอบความตกลงต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านราคาสินค้าหรือมีแนวโน้มว่าจะได้ผลกระทบด้านราคาด้วย กองทุน FTA ของกระทรวงพาณิชย์ ยังได้อนุมัติเงินช่วยเหลือแก่โครงการที่เสนอขอรับความช่วยเหลือ 3 โครงการ วงเงินรวม 24.68 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการพัฒนาคุณภาพด้านการผลิตและการตลาดเพื่อการส่งออกสับปะรดผลสดไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) วงเงิน 8.25 ล้านบาท เพื่อเป็นโครงการนำร่องในการช่วงชิงโอกาสการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าและขยายตลาดส่งออกสับปะรดผลสดไทยในประเทศญี่ปุ่น ตามสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA)
2. โครงการวิจัยสร้างขีดความสามารถกลุ่มเกษตรกรและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกและข้าวฮาง หนองบัวลำภู วงเงิน 7.00 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถยืนอยู่ได้และมีความก้าวหน้าในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว อันเป็นผลิตผลหลักของประเทศไทย
3. โครงการเพิ่มศักยภาพชาวนาไทย เพื่อรองรับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน วงเงิน 9.43 ล้านบาท เพื่อสร้างองค์ความรู้ในด้านการตลาด และสร้างเครือข่ายให้แก่กลุ่มเกษตรกรชาวนาไทย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตและผู้ประกอบการไปแล้ว จำนวน 24 โครงการ เป็นเงิน 182.28 ล้านบาท คงเหลือเงินอีก 31.75 ล้านบาท ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีที่สนใจ สามารถเสนอโครงการขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงพาณิชย์ได้ โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 1385 หรือ 0 25474818 โทรสาร 0 25474816 หรือสายด่วน 1385