กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผยตัวเลขรายได้ปี 2550 ตั้งเป้าไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากยอดขายปี 49 ที่จะรับรู้ได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีการขายโครงการเดิมต่อเนื่อง และการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม เน้นบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านต้น พร้อมยังมีแผนตั้ง พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ด้วย
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของบริษัทปีนี้ว่า บริษัทจะปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเน้นพัฒนาสินค้าระดับราคา 1.2 - 2.5 ล้านบาทมากขึ้น ซึ่งจะเป็นกลุ่มทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียม โดยที่ผ่านมา บริษัทมีการพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น และได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งนี้มองว่า ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงมีดีมานด์อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ปีนี้คงขยายตัวได้ไม่มากนัก
ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขาย 8,000 ล้านบาท โดย 5,000 ล้านบาท จะมาจากการขายโครงการเก่าต่อเนื่อง รวมทั้งมีโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวเพิ่มในปีนี้อีก 4 โครงการ ได้แก่ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รัตนาธิเบศร์ / มณีรินทร์ พาร์ค รังสิต (2) / เพอร์เฟค พาร์ค ร่มเกล้า และ เพอร์เฟค เพลส พัฒนาการ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เป็นยอดขายจากปีที่แล้ว ซึ่งรอรับรู้รายได้ในปีนี้ (Backlog) อีก 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม เมโทร พาร์ค 1,500 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 1,000 ล้านบาท และ บ้านพร้อมอยู่ที่จะนำมาจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ อีก 500 ล้านบาท
“บริษัทมีแผนจะนำบ้านพร้อมอยู่ส่วนหนึ่งในโครงการ เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ มาจัดตั้งProperty Fund เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ติดกับโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา และอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จึงมีความเป็นไปได้สูงในการเปิดให้เช่า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขายบ้านเท่ากับที่เราขายให้กับกองทุน โดยมีเป้าหมายคือ กลุ่มสถาบันภายในประเทศ”
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถบันทึกรายได้ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ จากการสร้างบ้านพร้อมอยู่มาเป็นบ้านสั่งสร้าง อย่างไรก็ดี ยอดขายเหล่านั้นเป็นรายได้ที่จะมารับรู้ในปีนี้ จะเห็นว่า การรับรู้รายได้จะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีการรับรู้รายได้ที่ 4,400-4,500 ล้านบาท นอกจากนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นยังมีผลในเรื่องฐานะทางการเงินของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถจ่ายคืนหนี้ได้มากขึ้น โดยจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 0.86 จาก 1.17 เท่าในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงพยายามรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Margin) ให้อยู่ที่ 30% ซึ่งจะมีผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ในส่วนความเห็นของนักวิเคราะห์ที่มีต่อบริษัทนั้น ดร.ธีระชน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการที่บริษัทได้มีการ Preview ผลการดำเนินงานปี 2549 พร้อมกับแผนงานของปี 2550 กับนักวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น นักวิเคราะห์หลายบริษัท ได้เปลี่ยนคำแนะนำการลงทุนในหุ้นของ PF จากขายมาเป็นซื้อ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความเห็นว่า บริษัทจะ Perfect สมชื่อในปี 2550 เนื่องจากปี 2549 ขายได้ แต่บันทึกรายได้ไม่ทัน ทำให้ผลประกอบการต่ำสุด แต่จะส่งผลให้กำไรปี 2550 โตหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) ที่เชื่อว่า ปี 50 ปีแห่งการฟื้นตัว และราคาหุ้น laggard อย่างแรง น่าสนใจ P/E ขณะนี้ ซื้อขายเพียง 5.7 เท่า เทียบกับอุตสาหกรรมที่ 10.5 เท่า ราคาพื้นฐานยังมี Upside อีกมาก
“นอกจากนี้ ยังมี บมจ. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่เชื่อว่ากำไรของเราจะพลิกฟื้นในปีนี้ เนื่องจากมียอดขายรอรับรู้ยกมามากถึง 3.29 พันล้านบาท และยอดขายใหม่ที่เริ่มดีขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตก้าวกระโดด และกระแสเงินสดที่ดีขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงได้ โดยมีมุมมองที่เป็นบวกกับเรามากขึ้น เนื่องจากยอดขายที่ดีขึ้นจากการเน้นสินค้าราคาต่ำลง ซึ่งเป็นความ คิดทางเดียวกับ TISCO Research ที่ได้ Upgrade การลงทุนในหุ้น PF เป็น Buy เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจาก backlog ที่ยกมาจากปี 2549 จะทำให้บริษัทสามารถมีกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในปี 2550 นี้”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
คุณตุลยา / คุณวรสุดา โทร 0 2247 7500 ต่อ 1951-2