Mega Milk Dairies กลุ่มนักศึกษาไทย ก้าวไกลระดับโลก กับผลงานการคิดค้น เพื่อส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ไทย

ข่าวทั่วไป Tuesday April 20, 2010 10:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ปชส.Mega Milk Dairies Mega Milk Dairies กลุ่มนักศึกษาไทย ก้าวไกลระดับโลก กับผลงานการคิดค้น เพื่อส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ไทย ในผลงานการประกวดชนะเลิศ ระดับเอเชียที่ผ่านมา และก้าวที่สำคัญระดับโลก — ในการประกวดในระดับโลกในวันที่ 2 พฤษภาคม ในปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการผลิตน้ำนมดิบมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ประเทศยังคงประสบปัญหาเรื่องการผลิตน้ำนมดิบ ที่ผลิตได้น้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ ในปี 2552 ประเทศไทยมีผลผลิตน้อยกว่าความต้องการถึง 400,000 ตัน เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการผลิตน้ำนมดิบที่เกษตรกรโดยทั่วไปในประเทศสามารถผลิตได้ต่อปีมีเพียง 2,700 กิโลกรัมต่อปี (ระยะการให้นม 300 วัน) ในขณะที่วัวที่เลี้ยงในสภาพอากาศที่เหมาะสม คือไม่ร้อน และแห้งแล้งเกินไป วัวสามารถให้ผลผลิตได้สูงถึงปีละ 6,000-9,000 กิโลกรัมต่อปีเช่น ในสหรัฐอเมริกา ปัญหาหลักๆของเกษตรกรไทยคือ ผลผลิตที่ต่ำ และต้นทุนในการเลี้ยงที่สูงขึ้น ทั้งนี้ทาง Mega Milk Dairies จึงเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และพบว่าในประเทศไทยเรา มีผลงานการวิจัยที่พัฒนาโดยคนไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงมายาวนานถึงเกือบ 20 ปี ดร.วิโรจน์ ภัทรจินดา ผู้คิดค้น “Super Cow” หรือที่เรียกว่า วัวทนร้อน เมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อน ดร.วิโรจน์ มีการค้นคว้าทดลอง การผสมพันธุ์วัวข้ามสายพันธุ์ เริ่มตั้งแต่การคัดสายพันธุ์ของพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และทำการเก็บบันทึกข้อมูลมาโดยตลอด ซึ่งการเก็บบันทึกข้อมูลนี้จะรวมถึง ที่มาของวัวแต่ตัวว่ามาจากพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ไหน มีลักษณะเด่นหรือด้อยอย่างไร มีความทนต่อโรคใดบ้าง มีนิสัยความเป็นอยู่อย่างไร จนกระทั่งค้นพบว่าน้ำนมดิบที่วัวสามารถผลิตได้ในแต่ละวันนั้น นอกจากเรื่องของการเลี้ยงดู และการจัดการฟาร์มที่ดีแล้ว การคัดเลือกยีนในสายพันธุ์ของพ่อพันธุ์แท้ และแม่พันธุ์แท้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำได้ และดร.วิโรจน์เป็นผู้ค้นพบยีนทนร้อนและยีนต้านทานโรคเต้านมอักเสบในวัว ดังที่กล่าวข้างต้นปัญหาผลผลิตต่ำของเกษตกรกร หนึ่งในหลายสาเหตุปัญหาหลักคือ เรื่องของภูมิอากาศบ้านเรา ที่ร้อนและค่อนข้างแห้งแล้งทำให้วัวเกิดความเครียด กระเพาะอาหารไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และในที่สุดก็จะไม่อยากกินอาหาร และเมื่อไม่กินอาหาร วัวก็ไม่สามารถผลิตน้ำนมดิบได้เต็มที่ นอกจากนั้น วัวกลับต้องนำพลังงานที่มีอยู่ในร่างกายไปใช้ในการช่วยระบายความร้อนอีกด้วย สิ่งที่เห็นได้ชัดคือวัวที่มาจากประเทศอเมริกาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ และให้ผลผลิตเท่าเดิม (20-30 ลิตรต่อวัน) ในประเทศไทยได้ จากการค้นคว้าวิจัยดังกล่าวของดร.วิโรจน์ ทำให้ Super Cow มีผลผลิตที่มากกว่าวัวทั่วไปที่เลี้ยงในประเทศได้ถึง2 เท่า (18.33 ลิตรต่อวัน) ดังนั้นแผนการตลาดที่ทาง Mega Milk Dairies เล็งเห็นถึงตลาดที่มีความต้องการอยู่แล้ว และผลการวิจัยที่ดีเยี่ยม สามารถนำมาต่อยอดทางธุรกิจได้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนน้ำนมดิบในประเทศไทย และลดปริมาณการนำเข้านมผง Mega Milk Dairies วางแผนในการเพิ่มจำนวน Super Cow อย่างรวดเร็วในช่วงปีแรกๆ เพื่อผลตอบแทนในด้านการผลิตในระยะยาวในปีที่ 5 Mega Milk Dairies จะมีโคนมประมาณ 1,896 ตัวซึ่งสามารถผลิตน้ำนมดิบได้ถึง 30,000 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ Mega Milk Dairies จะนำเอาเทคโนโลยีด้านการผลิตอาหารวัวเข้ามาช่วย เพื่อลดต้นทุนด้วย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นปัญหาหลักของเกษตรกร เพราะราคาน้ำมันที่ขึ้นในปี ส่งผลให้ราคาอาหารวัวสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นที่มาของโปรตีน เกษตรกรทั่วไปนำมาใช้เลี้ยงวัว เพื่อให้ได้น้ำนมดิบจำนวนมาก และมีโปรตีนสูง เทคโนโลยีนี้ค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.เมธา วรรณภัทร เรียกว่า “Cassa Pro” ที่สามารถใช้แทนถั่วเหลืองได้ และให้ fat content สูงกว่าด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงถึง 10% (ประมาณเกือบ 70-80% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในฟาร์มเป็นค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับค่าอาหาร) จะเห็นได้ว่าแผนธุรกิจของ Mega Milk Dairies ทำให้เราได้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ คือได้ผลผลิตที่มากกว่าเกษตรกรทั่วไป และต้นทุนการเลี้ยง และการผลิตน้ำนมดิบที่ถูกกว่า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 083-484-7665 ni_cha ni_cha_17@hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ