กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งระบุวันนี้ว่า กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบินจะได้รับผลกระทบจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองมากที่สุดหากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงยังคงยืดเยื้อต่อไป ลูกค้าทริสเรทติ้งในกลุ่มดังกล่าวอาจเผชิญกับภาวะยากลำบากอีกครั้งในปี 2553 หลังจากต้องฝ่าฟันวิกฤตที่เกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศเป็นระยะมาตั้งแต่ปลายปี 2551
ดร. สันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สถาบันจัดอันดับเครดิตแห่งแรกของไทย กล่าวว่า หลังจากกรณีที่
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถูกยึดโดยกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองในปลายปี 2551 แล้ว ธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองได้ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศตลอดปี 2552 ที่ผ่านมา โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมในประเทศในปี 2552 ตกลงมาอยู่ที่ระดับ 49% ลดลง 7% จากปีก่อน โดยโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานครลดลงมากสุดถึง 12% อัตราค่าห้องพักโดยเฉลี่ยต่อคืนของทั้งประเทศลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2546 ต่อมาในปี 2553 อัตราการเข้าพักปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสแรก ทว่าเหตุการณ์รุนแรงในระหว่างการขอพื้นที่ชุมนุมคืนจากกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ได้จุดชนวนการต่อสู้ทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะเวลาที่เหลือของปี 2553
ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเศรษฐกิจใหม่ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลางเพื่อทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปและอเมริกาที่ลดลงไปเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ประกอบกับการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉินกลับทำให้ประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดการท่องเที่ยวใหม่ของไทยได้ยกระดับการประกาศเตือนการเดินทางเข้าประเทศไทยของประชาชนของตนเป็นระดับสูงสุด ดังนั้นจึงน่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้นลดลงกว่าเดิม แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง แต่รายได้จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อัตราค่าห้องพักและอัตราการเข้าพักจึงน่าจะคงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและจำนวนห้องพักที่มีมากกว่าความต้องการในปัจจุบัน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมซึ่งเป็นลูกค้าของทริสเรทติ้งซึ่งได้แก่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจในปี 2553 อีกครั้ง
ดร. สันติยังกล่าวถึงลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสายการบินคือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าเพิ่งมีผลประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 รวมทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศในเดือนธันวาคม 2551 และเดือนเมษายน 2552 โดยอัตราการขนส่งผู้โดยสารในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 75% และขึ้นถึงระดับ 80% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 จากที่เคยอยู่ที่ระดับ 66% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 อย่างไรก็ตาม การประกาศเตือนประชาชนของประเทศต่างๆ ที่เข้ามาในประเทศไทยคาดว่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ นอกจากนี้ ผลกระทบจากเหตุภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศไอซ์แลนด์ซึ่งทำให้บริษัทต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางทวีปยุโรปจำนวน 10 เที่ยวบินต่อวันตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2553 เป็นต้นมาคาดว่าจะทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากเส้นทางบินไปทวีปยุโรปคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมจากการขนส่งผู้โดยสาร
ดร. สันติกล่าวว่า ความรุนแรงทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อไปอาจทำให้แนวโน้มของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสายการบินตกต่ำลง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจะติดตามตรวจสอบการดำเนินงานและผลประกอบการของลูกค้าที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและคาดหวังว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะบริหารจัดการสภาพคล่องให้มีอย่างเพียงพอเพื่อประคองตัวให้ผ่านพ้นช่วงภาวะวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ประกอบแต่ละรายจะมีความแตกต่างกันไปและจะได้รับการประเมินผลแตกต่างกันไปตามลักษณะโครงสร้างทางธุรกิจ ดร. สันติกล่าวว่า ปัจจุบันอันดับเครดิตลูกค้าของทริสเรทติ้งในกลุ่มดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลอยู่ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซาที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” บริษัท เอ็ม บี เค ที่ระดับ“A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” และบริษัทการบินไทยที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” หากผลกระทบทางการเมืองส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้อย่างมีนัยสำคัญ ทริสเรทติ้งจะทำการทบทวนอันดับเครดิตของบริษัทดังกล่าวโดยทันที
อันดับเครดิตในปัจจุบันของลูกค้าของทริสเรทติ้งในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน
1. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A/Stable
2. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A/Stable
3. บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL)
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A-/Negative
4. บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK)
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้: A-/Stable