กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--สยามพีอาร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โชว์ผลประกอบการปี 49 โตต่อเนื่อง 10% ประกาศปี 50 ชูกิจกรรม CSR เป็นหัวใจหลักในการทำตลาด เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ควบคู่กับการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทองรูปพรรณล้ำดีไซน์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากคู่แข่งขัน พร้อมเน้นความเป็นมืออาชีพในด้านการให้บริการ คาดปีนี้ยอดขายเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15%
นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่มีต่อการซื้อขายทองรูปพรรณว่า แม้ว่าจะเกิดความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกและสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ผู้บริโภคก็ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อทองรูปพรรณ ทั้งเพื่อการเก็บสะสมและการมอบให้ในวาระพิเศษต่างๆ แต่ทั้งนี้เมื่อสังเกตุถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน พบว่าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มองหาสิ่งใหม่ที่แปลกไปจากเดิม ทำให้เครื่องประดับทองพรีม่าโกลด์เป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่มองหางานออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้วยความโดดเด่นในด้านการออกแบบและการให้บริการบนมาตรฐานของความเป็นมืออาชีพ ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2549 ที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ถึง 700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องจากปีก่อน 10% แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ 75% และยอดขายจากการส่งออก 25% ในปี 2550 นี้ บริษัทได้วางแนวทางดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้แคมเปญ “15 ปี พรีม่าโกลด์ เพื่อ Art for All” เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปีของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะมีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยผ่านองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ในรูปแบบกิจกรรมที่น่าสนใจ
การจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมนี้จะดำเนินไปพร้อมๆ กับการรุกตลาดในเชิงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดทองคำรูปพรรณ 99.9% ที่มีดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัว บริษัทจึงเน้นการพัฒนาการออกแบบชิ้นงานที่ต้องใช้ความชำนาญ ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานด้วยความประณีตบรรจง และให้ความสำคัญกับงานบริการทั้งก่อนและหลังการขาย อันเป็นนโยบายที่สำคัญของ บริษัท ซึ่งพรีม่าโกลด์เชื่อว่าการให้ความสำคัญกับการให้บริการที่ดีและจริงจัง จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ส่งผลให้เกิดการซื้ออย่างต่อเนื่อง (Brand Loyalty)
นางสาวรุ่งนภากล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีแผนที่จะออกคอลเล็กชั่นใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับผู้บริโภคที่ต้องการลวดลายใหม่ๆ และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทองคำล้ำดีไซน์ ทั้งนี้พรีม่าโกลด์ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพทองและการออกแบบลวดลายจากหลากหลายสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เช่น รางวัล Hot Design จากงานบางกอกเจมส์แอนด์จิวเวลรี่แฟร์ รางวัล The Best International Award และ The Best Outstanding International Award จากการประกวดแข่งขัน Golden Design Award ที่งาน Vicenza Oro Fair จัดโดย World Gold Council ณ เมือง Vicenza ประเทศอิตาลี เป็นต้น
บริษัทได้จัดสรรงบการตลาดไว้ประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมและแคมเปญต่างๆ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี ได้แก่ การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ โดยใช้สีน้ำเงินแทนบุคลิกของบริษัทที่มีความสุภาพจริงใจ การให้บริการอย่างอบอุ่น และมีความงามสง่าสมเป็น ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศโดยเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การฝึกอบรมพนักงานที่ประจำในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ การจัดโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า เป็นต้น ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15%
ขณะเดียวกันนอกจากจะตอกย้ำแบรนด์พรีม่าโกลด์แล้ว บริษัทยังจะต้องหาช่องทางเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในเซ้กเม้นต์อื่นๆ ไปพร้อมกัน โดยในส่วนของพรีม่า ไดมอนด์ (Prima Diamond) บริษัทก็ให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคด้วยการสลักเลเซอร์รับประกันคุณภาพลงไปในเนื้อเพชร เพื่อการันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ 30 สตางค์จนถึง 1 กะรัต ด้านพรีม่า อาร์ต (Prima Art) ซึ่งเป็นงานหัตถศิลป์ทองคำ บริษัทก็มีการออกแบบลวดลายใหม่ๆ ที่วิจิตรบรรจง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับบนโดยเฉพาะ สำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่าง เซ็นจูรี่ โกลด์ (Century Gold) ทองคำรูปพรรณ 96.5% จะเน้นงานดีไซน์ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความทันสมัยและชื่นชอบแฟชั่น นางสาวรุ่งนภากล่าวในที่สุด