กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานของงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2553 มีกำไร เท่ากับ 1,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 389 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 356.3 เติบโตเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ ทุนธนชาต ที่มีผลการดำเนินงานลดลง ร้อยละ 38.7 เป็นผลมาจากผลประกอบการงวดเดียวกันของปีก่อนได้รวมรายการพิเศษกำไรจากการขายหุ้นของธนาคารธนชาตให้กับสโกเทียแบงค์จำนวน 1,920 ล้านบาท (สุทธิจากภาษีเงินได้) เข้าไปด้วย
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารธนชาตและบริษัทในเครือ ซึ่งประกอบด้วย บจ.ธนชาตประกันชีวิต บจ.ธนชาตประกันภัย บลจ.ธนชาต และ บมจ.หลักทรัพย์ธนชาต ได้ผสมผสานความร่วมมือทางธุรกิจ ทำให้ผลการดำเนินการของงบการเงินรวมของธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2553 เท่ากับ 1,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 389 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 356.3 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับร้อยละ 24.98 และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับร้อยละ 1.73 เป็นผลมาจากปัจจัยหลัก ซึ่งได้แก่ การสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยผ่านการขายข้ามสายผลิตภัณฑ์ (Cross-selling) และการยกระดับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งสามารถควบคุมให้การตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธนชาต และถือหุ้นในธนาคารธนชาตสัดส่วน 51% ได้เผยผลดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2553 มีกำไรสุทธิ 1,343 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,190 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 38.7 ซึ่งหากพิจารณากำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2552 โดยไม่รวมรายการพิเศษกำไรจากการขายหุ้นของธนาคารธนชาตให้กับสโกเทียแบงค์จำนวน 1,920 ล้านบาท (สุทธิจากภาษีเงินได้) เข้าไปด้วย จะทำให้บริษัททุนธนชาต มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2553 เพิ่มขึ้นจำนวน 1,055 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 366.3 โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับร้อยละ 15.7 และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับร้อยละ 1.2
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ ข้อมูลธนาคารธนชาต เติบโตเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ เปรียบเทียบจากการรายงานผลประกอบการของธนาคารต่างๆ ไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นสุดของวันที่ 20 เมษายน 2553