กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--กระทรวงพลังงาน
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้มีการประกาศใช้น้ำมันดีเซล บี3 (เติมไบโอดีเซล บี100 ในน้ำมันดีเซล 3%) ทดแทนน้ำมันดีเซล บี2 โดยจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 นี้ ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มีการสำรวจปริมาณวัตถุดิบที่จะนำจะนำมาผลิต บี100 เพื่อเติมเป็น บี3 แล้วพบว่ามีปริมาณเพียงพอ
โดยหลังจากมีมติ กบง.แล้ว กรมธุรกิจพลังงานจะต้องไปออกประกาศใหม่ว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติใหม่และคุณภาพของน้ำมัน บี3 หลังจากนั้นจะต้องประกาศในราชกิจนุเบกษา และให้ระยะเวลาผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยน เพราะผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีสต็อกไม่เท่ากัน แต่ในที่สุดทุกรายจะต้องขาย บี3 ให้ได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.2553
สำหรับราคาขายน้ำมัน บี3 จะถูกกว่าน้ำมัน บี5 ประมาณ 90 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมที่ราคาขา ยน้ำมัน บี2 กับ บี5 ประมาณ 1.20 บาทต่อลิตร แต่เมื่อเทียบราคาน้ำมัน บี3 แล้วจะถูกก ว่า บี2 ประมาณ 30 สตางค์ต่อลิตร เพราะมีการปรับสัดส่วนในการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะลดการชดเชย บี3 ลง 20 สตางค์ต่อลิตร และลดการชดเชย บี5 ลง 30 สตางค์ต่อลิตร และปรับลดค่าการตลาดน้ำมัน บี3 ลง 20 สตางค์ต่อลิตร และบี5 ลง 30 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น
ปัจจุบันการขายน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 53.90 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นดีเซล บี2 ประมาณ 32.44 ล้านลิตรต่อวัน และบี5 ประมาณ 21.46 ล้านลิตรต่อวัน โดยมีการนำ บี100 มาเติมใน บี2 จำนวน 0.65 ล้านลิตรต่อวัน เติมใน บี5 จำนวน 1.07 ล้านลิตรต่อวัน รวมใช้ บี100 เท่าก ัน 1.72 ล้านลิตรต่อวัน โดยเมื่อเปลี่ยนมาเป็น บี3 การเติม บี100 จะเพิ่มขึ้นเป็น 0.97 ล้านลิตรต่อวัน ส่วน บี5 เท่าเดิมที่ 1.07 ล้านลิตรต่อวัน รวมปริมาณการใช้ บี100 เพิ่มขึ้นเป็น 2.05 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 18.84%
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของการสำรวจวัตถุดิบ พบว่า ในปี 2552 มีน้ำมันปาล์มดิบรวมสต็อก 1,495,551 ตัน ในขณะที่ปริมาณการใช้ในการบริโภค 917,700 ตัน นำมาใช้ผลิตไบโอดีเซล บี100 จำนวน 380,000 และส่งออก 67,292 ตัน รวมทั้งหมด 1,357,992 ตัน ส่วนปี 2553 คาดว่าจะมีน้ำมันปาล์มดิบรวม 1,852,339 ตัน ใช้ในการบริโภค 1,100,000 ตัน และใช้ผลิต บี100 จำนวน 460,000 ตัน รวมการใช้ 1,560,000 ตัน
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า ตามมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) จะต้องบังคับใช้น้ำมันดีเซล บี5 เกรดเดียว ภายในปี 2554 กบง.ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า หากสำรวจแล้วพบว่าปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ผลิต บี100 เพียงพอสำหรับผลิตเป็น บี5 ก็จะประกาศใช้ บี5 เกรดเดียว แต่หากปริมาณเพียงพอสำหรับผลิตได้ถึง บี4 ก็จะประกาศใช้เป็น บี4 เกรดเดียวทันที ก่อนที่จะเพิ่มเป็น บี5 ภายในปี 2554
นายศิวนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน) กล่าวถึง ความคืบหน้าในการจ่ายเงินชดเชยราคานำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันหนี้ที่ กองทุนน้ำมันฯ จะต้องจ่ายให้กับ ปตท. แบ่งเป็นหนี้ค้างชำระของปี 2551 ประมาณ 2,000 ล้านบาท และหนี้ค้างชำระของปี 2553 ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ในปี 2552 ได้มีการจ่ายให้กับ ปตท.หมดแล้ว ซึ่งในส่วนของการจ่ายเงินคืนหนี้ให้ ปตท.ต้องให้ ปตท.ส่งหนังสือซึ่งได้ผ่านการพิจารณาขั้นตอนการตรวจจ่ายระหว่าง ปตท. กับกรมสรรพสามิต มาที่กองทุนน้ำมันฯ ได้ก็สามารถจ่ายเงินให้กับ ปตท.ได้ภายใน 3< SPAN lang=TH style="FONT-SIZE: 14pt; LINE-HEIGHT: 115%; FONT-FAMILY: 'Angsana New'; mso-ansi-font-size: 11.0pt; mso-ascii-font-family: Calibri; mso-hansi-font-family: Calibri"> วันนับจากได้รับหนังสือ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การชดเชยราคาก๊าซแอลพีจีตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ในเดือนม.ค. มีการนำเข้า 1.1 แสนตัน อัตราการชดเชยอยู่ที่ 14.75 บาทต่อกิโลกรัม รวมวงเงินชดเชย 1,675 ล้านบาท เดือนก.พ. นำเข้า 1.1 แสนตัน อัตราการชดเชยอยู่ที่ 14.36 บาทต่อกิโลกรัม รวมวงเงินชดเชย 1,606 ล้านบาท เดือนมี.ค. นำเข้า 1.2 แสนตัน อัตราการชดเชยอยู่ที่ 14.38 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินชดเชย 1,816 ล้านบาท และเดือนเม.ย. ตั้งแต่วันที่ 1-23 เม.ย. นำเข้ า 93,680 ตัน อัตราการชดเชยอยู่ที่ 14.33 บาทต่อกิโลกรัม วงเงินชดเชย 1,343 ล้านบาท รวมมูลค่า 6,390 ล้านบาท