กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--บีโอไอ
บีโอไอเตรียมนำทัพนักธุรกิจจากต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรเลีย และมาเลเซีย เข้าร่วมงาน ซับคอนไทยแลนด์ 2010 เพื่อเจรจาซื้อชิ้นส่วนจากผู้ประกอบการไทย ตั้งเป้าเกิดมูลค่าซื้อขายตลอดงานไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ ผู้อำนวยการระดับสูง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงการจัดงานซับคอนไทยแลนด์ 2010 (SUBCON Thailand 2010) ระหว่างวันที่ 13 — 15 พฤษภาคม 2553 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ว่า การจัดงานซับคอนไทยแลนด์ในปีนี้ บีโอไอจะนำคณะนักธุรกิจจากต่างประเทศรวมจำนวนกว่า 70 ราย มาเข้าร่วมงาน เพื่อเจรจาซื้อชิ้นส่วนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยที่ออกบูธแสดงสินค้าในงาน ซึ่งการตอบรับเข้าร่วมงานของนักลงทุนต่างชาติแสดงให้เห็นถึงความสนใจและความมั่นใจในศักยภาพของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนของไทย
โดยคณะนักลงทุน และผู้ซื้อจากต่างประเทศที่จะเข้าร่วมงานมาจากกรุงโตเกียว และนครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 39 รายจากจีน 10 ราย จากประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ 3 ราย จากประเทศออสเตรเลีย อิตาลี และเวียดนามชาติละ 1 ราย และจากมาเลเซียอีกประมาณ 20 ราย ซึ่งจะมาเข้าร่วมชมงานและร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย
การจัดงานซับคอนไทยแลนด์ เป็นงานเดียวในประเทศที่จัดแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industries) และการรับช่วงผลิต (Subcontracting) ของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าในครั้งนี้จะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจไม่น้อยกว่า 2,000 คู่ และคาดว่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยกว่า 4,000 ล้านบาท
“บีโอไอได้จัดงานซับคอนไทยแลนด์มาแล้ว 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนและผู้ต้องการซื้อชิ้นส่วน โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้ผลิตชิ้นส่วนมาร่วมออกงานกว่า 600 ราย และมีผู้ซื้อกว่า 450 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 4,600 คู่ และเกิดการซื้อขายชิ้นส่วนเป็นมูลค่ากว่า 6,700 ล้านบาท ดังนั้น การจัดงานซับคอนไทยแลนด์ 2010 ในปีนี้ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในอาเซียนอย่างแท้จริง” ผู้อำนวยการระดับสูงกล่าว
ในระหว่างการจัดงานซับคอนไทยแลนด์ 2010 จะจัดให้มีการสัมมนาในหลายหัวข้อตลอด 3 วัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ มาร่วมบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทย อาทิ บีโอไอ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม หรือ สสว. ศูนย์เทคโนโลยีไมโคร อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด มหาชน และสมาคมบริหารงานจัดซื้อและซัพพลายเชนแห่งประเทศไทย
โดยหัวข้อที่น่าสนใจ ได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนของประเทศไทย ในปัจจุบัน บทบาทบีโอไอกับการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย การเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและสร้างทางเลือกใหม่ กลยุทธ์การขอสินเชื่อกับเอสเอ็มอีแบงก์ ยุทธการปั้นเอสเอ็มอีไทยบุกอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสไดร์ฟ และกลยุทธ์เพิ่มโอกาสแก่เอสเอ็มอีไทยให้ก้าวไกลสู่อาเซียน
นางสาวดวงใจกล่าวอีกว่า งานซับคอนในครั้งนี้ บีโอไอยังมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนา มากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมเชื่อมโยงด้าน R&D ระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนกับสถาบันวิจัย และมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายของมหาวิทยาลัยที่ทำการวิจัย และยังมีศูนย์ความเป็นเลิศทางฟิสิกส์ หรือ Thailand Center of Excellence in Physics ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาจารย์ทางด้านฟิสิกส์ของประเทศไทย ที่นำความรู้ทางด้านฟิสิกส์มาใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตวัตถุดิบและชิ้นส่วน โดยบีโอไอตั้งเป้าให้เกิดการนำเอาความรู้จากผลการวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริงประมาณ 10 ผลงาน จากจำนวนของการจับคู่ด้านอาร์ แอนด์ ดี 50 คู่ เช่น การเพิ่มคุณ สมบัติในการยึดติด และการเคลือบผิวด้วยเทคโนทางฟิสิกส์ เป็นต้น